เบาหวาน .. โรคที่ (ไม่) น่ากลัว

13 พ.ย. 2560 | 10:00 น.
วันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปีคือ วันเบาหวานโลก ทางอิควล (Equal) ผลิตภัณฑ์ให้ความหวาน แทนน้ำตาล แบรนด์ผู้นำจากอเมริกา ได้เห็นถึงอันตรายของโรคเบาหวาน จึงได้จับมือกับโรง พยาบาลพญาไท 2 จัดกิจกรรมตรวจวัดระดับน้ำ ตาลในเลือดเพื่อส่งเสริมความรู้ พร้อมรับมือ กับโรคเบาหวาน เนื่องในวันเบาหวานโลก (World Diabetes Day 2017) โดยแพทย์หญิง-นารีลักษณ์ กลิ่นสุคนธ์ (นิ่มน้อย) อายุรแพทย์โรคต่อมไร้ท่ อและเมตะบอลิสม ศูนย์เบาหวาน และต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลพญาไท 2 ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ “เบาหวาน..โรคที่ (ไม่) น่ากลัว” ไว้ดังนี้

เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแต่ ละปีและเบาหวานยังเป็นสาเหตุ การเสียชีวิตเป็น อันดับ 9 ของผู้หญิงทั่วโลก

final-infographic-equal ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน

-              ผู้ที่มีญาติสายตรง (พ่อ, แม่, พี่, น้อง) เป็นเบาหวาน

-              ความอ้วน ไม่ออกกำลังกาย ความเครียด

-              อายุมากกว่า 40 ปี ขึ้นไป

-              มีภาวะเบาหวานแฝงมาก่อน

-              มีโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ

-              มีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้ งครรภ์ หรือมีลูกที่น้ำหนักแรกคลอดมากกว่า 4 กิโลกรัม

-              โรคของตับอ่อน เช่น ตับอ่อนอักเสบ ได้รับการผ่าตัดตับอ่อน

เบาหวานส่งผลต่อ  (ภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานต่อร่ างกาย)

-              หัวใจ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิ ดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

-              สมอง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด โรคเส้นเลือดสมองตีบ อัมพฤต อัมพาต

-              ไต เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิ ดโรคไตวายเรื้อรัง

-              เส้นประสาท ทำให้เกิดการอักเสบของเส้ นประสาทส่วนปลาย มีอาการชา เจ็บปวด ปลายมือ ปลายเท้า

-              ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น เป็นแผลเรื้อรังหายยาก โดยเฉพาะแผลที่เท้า เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกตัดนิ้ ว ตัดเท้า

-              ตา ทำให้เกิดจอประสาทตาอักเสบ เส้นเลือดที่จอประสาทตาผิดปกติ เพิ่มความเสี่ยงการเกิดตา บอด

ทำอย่างไรเมื่อเป็นเบาหวาน – ข้อสำคัญคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรั บประทานอาหาร

1.         เลือกทานอาหารเพื่อสุขภาพ ทานผักใบเขียว ผลไม้รสไม่หวานจัด ทานธัญพืช ถั่ว ข้าวไม่ขัดสี ทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน

2.         หลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัด เค็มจัด และมัน ถ้าต้องการรสหวาน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความหวาน แทนน้ำตาล ในการประกอบอาหารและปรุงอาหาร

3.         งดเครื่องดื่มรสหวาน  เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เครื่องดื่มชูกำลัง และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ควรดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ

4.         ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์

5.         ลดน้ำหนัก ไม่ให้อ้วน

6.         เลิกสูบบุหรี่

7.         ทานยาตามแพทย์สั่ง และติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ

8.         ตรวจติดตามภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานตามที่แพทย์ แนะนำ เพื่อป้องกันและรักษาตั้งแต่ แรกเริ่ม

9.         ตรวจระดับน้ำตาลปลายนิ้วด้วยตนเองที่บ้าน ถ้าสามารถทำได้