ล็อกซเล่ย์ลุยตลาดนมเปรี้ยว วางเป้า3ปีโกยยอดขายกลุ่มเครื่องดื่ม1,000ล้าน

15 พ.ย. 2560 | 11:22 น.
“ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง” ผนึก “นูทริดอร์” ลุยตลาดเครื่องดื่ม เตรียมทำตลาดทั้งนมเปรี้ยว นํ้าผลไม้ เครื่องดื่มมอลต์ และเอนเนอร์จี้ดริ๊ง ตั้งเป้า 3 ปีกวาดยอดขาย 1,000 ล้าน ประเดิมแบรนด์แรก เอบีเวีย โยเกิร์ตพร้อมดื่ม

เครือทีจีไอ กรุ๊ป บริษัทโฮลดิ้ง คัมปะนี ที่มีการลงทุนในหลากหลายธุรกิจ รวมถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยได้เข้าไปลงทุนในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งมียอดขายปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท ได้เข้ามาจัดตั้งบริษัท นูทริดอร์ จำกัด เพื่อทำตลาดเครื่องดื่มในประเทศไทย และยังเลือกใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้า เพื่อจัดจำหน่ายในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งนอกจากบริษัท นูทริดอร์ฯ ที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยแล้ว ปัจจุบันยังได้เข้าไปจัดตั้งบริษัทในอีก 6 ประเทศแถบตะวันออกกลางด้วย สำหรับประเทศไทยได้เริ่มต้นทำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์นม ภายใต้แบรนด์เอบีเวีย(Abevia)เป็นผลิตภัณฑ์แรก หลังจากนั้นจะเริ่มทำตลาดในผลิตภัณฑ์กลุ่มนํ้าผลไม้ เครื่องดื่มมอลต์ และเครื่องดื่มให้พลังงาน โดยได้มอบสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวกับบริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด ในเครือบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าต่างๆ ให้ทั้งหมด

[caption id="attachment_229927" align="aligncenter" width="335"] โกสุม สินเพิ่มสุขสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด โกสุม สินเพิ่มสุขสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด[/caption]

นางโกสุม สินเพิ่มสุขสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัท นูทริดอร์ จำกัด ให้เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ พาร์ตเนอร์ ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งเริ่มทำตลาดสินค้าแรกเป็นผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตพร้อมดื่มยูเอชที แบรนด์ เอบีเวีย 2 รสชาติ ได้แก่ รสธรรมชาติ และรสสตรอว์เบอร์รี่ ด้วยการชูจุดเด่นที่รสชาติสไตล์ยุโรป วัตถุดิบนำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ มีการเพิ่มประโยชน์จากจุลินทรีย์และสารอาหารที่มีประโยชน์มากกว่าสินค้าที่วางจำหน่ายในท้องตลาดถึง 2 เท่า ปัจจุบันได้เริ่มทดลองจำหน่ายในช่องทางร้านเทรดิชันนัลเทรดแล้ว และกำลังเตรียมขยายเข้าสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรดต่อไป

สำหรับแนวทางการทำตลาดจะมีการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการจัดกิจกรรมโรดโชว์ กิจกรรม ณ จุดขาย การแจกสินค้าตัวอย่างให้กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยทำงานเริ่มต้นกว่า 2 แสนกล่อง โดยได้เตรียมงบประมาณการทำตลาดเบื้องต้นไว้ 100-200 ล้านบาทเพื่อสร้างยอดขายเบื้องต้นให้ได้ในปีแรก 100-200 ล้านบาท ซึ่งนอกจากการทำตลาดในกลุ่มนมดังกล่าวแล้ว ยังเตรียมผลิตภัณฑ์นมประเภทอื่นๆ ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยอาทิ นมข้นหวาน นมจืด และผลิตภัณฑ์จากนมต่างๆ เป็นต้นที่ปัจจุบันได้มีการทำ
ตลาดและส่งออกไปยังหลายประเทศแล้ว อาทิ เมียนมาจีน และฮ่องกง

“กลุ่มทีจีไอ มีการลงทุนและทำตลาดแล้วในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นยุโรป แอฟริกา ซึ่งเขามองหาโอกาสที่จะเข้ามาทำตลาดในเซาธ์อีสต์เอเชียและได้มีการศึกษามานาน ซึ่งได้เข้ามาลงทุนพร้อมกับวางแผนที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีโรงงานผลิตสินค้าเป็นของตนเอง โดยใช้ระบบการจ้างผลิต แต่ก็กำลังวางแผนที่จะมีโรงงานผลิตในประเทศไทยด้วย ส่วนการที่เลือกให้ล็อกซเล่ย์เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าให้ เนื่องจากมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการจัดจำหน่ายสินค้ามานาน มีเครือข่ายร้านค้าทั้งช่องทางเทรดดิชันนัลเทรดและโมเดิร์นเทรดจำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วประเทศ”

สำหรับการเลือกทำตลาดและจัดจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเป็นสินค้าแรก เนื่องจากปัจจุบันตลาดนมมีขนาดใหญ่ นมยูเอชทีมีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท นมเปรี้ยวมีมูลค่าตลาดกว่า 7,000 ล้านบาท และนมถั่วเหลืองมีมูลค่าตลาดกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริษัทมองว่าตลาดยังมีโอกาสและช่องว่าง ทางการตลาดที่สามารถสร้างยอดขายได้ จากคุณภาพของผลิตภัณฑ์
ที่แตกต่าง โดยบริษัทยังวางเป้าหมายภายใน 3 ปีนับจากนี้ จะทำยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มของบริษัท นูทริดอร์ฯ ให้มียอดขาย 1,000 ล้านบาท ซึ่งได้เตรียมงบประมาณไว้ 200-300 ล้านบาท ในการผลักดันยอดขายดังกล่าวด้วย โดยยอดขายดังกล่าวที่เข้ามาจะเป็นส่วนเพิ่มเติมจากกลุ่มสินค้าของล็อกซเล่ย์ที่ได้จัดจำหน่ายอยู่ก่อนแล้ว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,313 วันที่ 12 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว