‘อินทัช’ ร่วมทุนสตาร์ตอัพ รายที่ 13
“อินทัช” ในโครงการอินเว้นท์ เข้าร่วมทุน “ShopBack” สตาร์ตอัพรายที่ 13 เผย มีผู้สนับสนุนเงินทุนมากกว่า 1,320 ล้านบาท แจงมียอดใช้กว่า 1 พันครั้งต่อชั่วโมง
นายกวิน ประชานุกูล ผู้ก่อตั้งและผู้จัดการ ShopBack ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ ShopBack ได้เงินลงทุนก้อนใหม่ จำนวน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 825 ล้านบาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33 บาท) ส่งผลให้ในขณะนี้มีเงินสนับสนุนมากกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 1,320 ล้านบาท (1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33 บาท) ซึ่งเงินสนับสนุนดังกล่าวเป็นการลงทุนจากสถาบันต่าง ๆ มากกว่า 10 สถาบัน นำโดย Credit Saison ผู้นำด้านบัตรเครดิตและการเงินในญี่ปุ่น รวมไปถึง บริษัท SoftBank Ventures Korea, Singtel Innov8, Qualgro, East Ventures, Blue Sky และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ลงทุนใหม่รวมอยู่ด้วย
“เราต้องการสร้างสังคมแห่งการช็อปปิ้ง เราคาดหวังอยากให้ ShopBack เป็นเว็บเดียวที่รวมทุกการจับจ่ายในชีวิตประจำวัน ของทุกไลฟ์สไตล์นั่นเอง”
ขณะนี้ มีผู้ใช้บริการ ShopBack สั่งซื้อสินค้าและบริการกว่า 1,000 ครั้งต่อชั่วโมง พร้อมยอดขายต่อปีกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีร้านค้าพันธมิตรกว่า 1,300 ราย ทั้งจากอุตสาหกรรมค้าปลีก การเดินทาง และสินค้าไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2014 มีผู้ลงทะเบียนใช้งาน ShopBack เป็นจำนวนมากกว่า 3.5 ล้านคน จาก 6 ประเทศ ในเอเชีย-แปซิฟิก ShopBack เป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างขึ้นในช่วงที่ธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ ในเอเชีย-แปซิฟิก กำลังเติบโต มีพันธกิจหลัก คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพทางการขายให้กับลูกค้าพันธมิตร
ด้าน นายคิมห์ สิริทวีชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารการลงทุน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ShopBack เป็นกลุ่มสตาร์ตอัพรายที่ 13 ที่อินเว้นท์ได้เข้าร่วมทุนภายในเวลาไม่กี่เดือนที่ ShopBack ประเทศไทย ได้เปิดให้บริการตั้งแต่ ก.ค. 2560 ขณะนี้ มีร้านค้ารวมแล้วกว่า 100 ร้าน เชื่อว่า ศักยภาพที่อินทัชมี จะช่วยให้ธุรกิจของ ShopBack เติบโต และสร้างประโยชน์ให้กับกลุ่มลูกค้าผ่านบริษัทในเครือของอินทัชได้อีกด้วย
นายซอน ลี หุ้นส่วนของ SoftBank Ventures Korea ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทีม ShopBack ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างฐานลูกค้าประจำ ซึ่งนี่คือ สิ่งที่ดี เพราะกลุ่มลูกค้าที่ยั่งยืนเหล่านี้ จะนำพาให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้จริง บริษัทเชื่อมั่นว่า 18 เดือนหลังจากนี้ ทีมจะสามารถต่อยอดวิสัยทัศน์ให้เติบโตต่อไปได้
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,313 วันที่ 12-15 พ.ย. 2560 หน้า 20
นายกวิน ประชานุกูล ผู้ก่อตั้งและผู้จัดการ ShopBack ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ ShopBack ได้เงินลงทุนก้อนใหม่ จำนวน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 825 ล้านบาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33 บาท) ส่งผลให้ในขณะนี้มีเงินสนับสนุนมากกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 1,320 ล้านบาท (1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33 บาท) ซึ่งเงินสนับสนุนดังกล่าวเป็นการลงทุนจากสถาบันต่าง ๆ มากกว่า 10 สถาบัน นำโดย Credit Saison ผู้นำด้านบัตรเครดิตและการเงินในญี่ปุ่น รวมไปถึง บริษัท SoftBank Ventures Korea, Singtel Innov8, Qualgro, East Ventures, Blue Sky และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ลงทุนใหม่รวมอยู่ด้วย
“เราต้องการสร้างสังคมแห่งการช็อปปิ้ง เราคาดหวังอยากให้ ShopBack เป็นเว็บเดียวที่รวมทุกการจับจ่ายในชีวิตประจำวัน ของทุกไลฟ์สไตล์นั่นเอง”
ขณะนี้ มีผู้ใช้บริการ ShopBack สั่งซื้อสินค้าและบริการกว่า 1,000 ครั้งต่อชั่วโมง พร้อมยอดขายต่อปีกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีร้านค้าพันธมิตรกว่า 1,300 ราย ทั้งจากอุตสาหกรรมค้าปลีก การเดินทาง และสินค้าไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2014 มีผู้ลงทะเบียนใช้งาน ShopBack เป็นจำนวนมากกว่า 3.5 ล้านคน จาก 6 ประเทศ ในเอเชีย-แปซิฟิก ShopBack เป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างขึ้นในช่วงที่ธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ ในเอเชีย-แปซิฟิก กำลังเติบโต มีพันธกิจหลัก คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพทางการขายให้กับลูกค้าพันธมิตร
ด้าน นายคิมห์ สิริทวีชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารการลงทุน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ShopBack เป็นกลุ่มสตาร์ตอัพรายที่ 13 ที่อินเว้นท์ได้เข้าร่วมทุนภายในเวลาไม่กี่เดือนที่ ShopBack ประเทศไทย ได้เปิดให้บริการตั้งแต่ ก.ค. 2560 ขณะนี้ มีร้านค้ารวมแล้วกว่า 100 ร้าน เชื่อว่า ศักยภาพที่อินทัชมี จะช่วยให้ธุรกิจของ ShopBack เติบโต และสร้างประโยชน์ให้กับกลุ่มลูกค้าผ่านบริษัทในเครือของอินทัชได้อีกด้วย
นายซอน ลี หุ้นส่วนของ SoftBank Ventures Korea ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทีม ShopBack ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างฐานลูกค้าประจำ ซึ่งนี่คือ สิ่งที่ดี เพราะกลุ่มลูกค้าที่ยั่งยืนเหล่านี้ จะนำพาให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้จริง บริษัทเชื่อมั่นว่า 18 เดือนหลังจากนี้ ทีมจะสามารถต่อยอดวิสัยทัศน์ให้เติบโตต่อไปได้
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,313 วันที่ 12-15 พ.ย. 2560 หน้า 20
