‘เฮลธ์แอนด์บิวตี้’โตแรง ‘วันเดอร์ฟูลไลฟ์ฯ’รุกหนักกลุ่มพรีเมียม

11 พ.ย. 2560 | 09:29 น.
วันเดอร์ฟูลไลฟ์ฯ ชี้เทรนด์สุขภาพมาแรง ดันตลาดเฮลธ์แอนด์บิวตี้คึกคัก ยอดขายพุ่ง เร่งเปิดแผนงานเพิ่มตัวแทนจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมจ่อสยายปีกต่างประเทศ หวังโกยรายได้สิ้นปีกว่า 200 ล้านบาท

นางสาววลัยลักษณ์ จันทวงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันเดอร์ฟูลไลฟ์ จำกัดผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมการแข่งขันและการขยายตัวในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามปัจจุบันถือว่ามีการเติบโตสูง ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสการรักสุขภาพและความงามที่มีอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า มีการเติบโตค่อนข้างดีราว 6% สูงกว่ามูลค่าตลาดค้าปลีกโดยรวมที่ชะลอตัวตามสภาวะเศรษฐกิจ จากผลสำรวจของ EIC (ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธ.ไทยพาณิชย์) พบว่ากว่า 70 -80% ของผู้บริโภคที่มีอายุระหว่าง20-60ปีและ 30% ของกลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) มีความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ความงามมากขึ้น ซึ่งแนวโน้มการเติบโตในปีนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มีการประเมินการเติบโตในปีนี้ไว้ที่ 35% ซึ่งจะเป็นผลดีกับตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม ดังนั้นบริษัทจึงเดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีอายุตั้งแต่ 25-60 ปีในตลาดพรีเมียมเป็นหลัก เนื่องจากกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมายและศักยภาพการเติบโตที่สูงกว่าตลาดแมสที่แข่งขันกันรุนแรงจนกลายเป็นเรดโอเชียน

[caption id="attachment_228904" align="aligncenter" width="503"] วลัยลักษณ์ จันทวงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันเดอร์ฟูลไลฟ์ จำกัด วลัยลักษณ์ จันทวงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันเดอร์ฟูลไลฟ์ จำกัด[/caption]

“แม้ว่าปัจจุบันการแข่งขันในตลาดสุขภาพและความงามของเมืองไทยมีการแข่งขันที่รุนแรงจนกลายเป็นเรดโอเชียนสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ เนื่องจากกระแสการรักสุขภาพและความงามยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากร้านค้าปลีกทั่วๆไปมีการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพและความงามและต่างก็ต่อคิวเข้ามามุ่งจะขยายตลาด แต่อย่างไรก็ตามการแข่งขันที่รุนแรงจนกลายเป็นเรดโอเชียนนั้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในตลาดระดับแมสมากกว่า ดังนั้นบริษัทจึงเน้นรุกตลาดพรีเมียมที่ยังมีการเติบโตสูงแทน”

ด้านช่องทางการจำหน่ายบริษัทจะให้ความสำคัญในการสร้างตลาดผ่านตัวแทนจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ 95%และออฟไลน์5%เพื่อสร้างการเข้าถึงให้แก่กลุ่มเป้าหมายในทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นร้านเสริมสวย ร้านค้าเพื่อสุขภาพและความงามควบคู่กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในเครือทั้งรูปแบบที่พัฒนาแบรนด์ขึ้นมาเองและนำเข้าจากต่างประเทศในปีหน้าอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์เพื่อความงามเป็นต้น

“บริษัทจะเน้นรุกเข้าไปในกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเพศหญิงอายุระหว่าง 25-60ปีเป็นหลัก เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลางถึงระดับสูง เนื่องจากกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้จะมีกำลังซื้อสูงและสามารถตัดสินใจซื้อได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันลูกค้ามีพฤติกรรมสนใจในความสวยงามและการดูแลสุขภาพมากขึ้นส่งผลดีกับมูลค่าทางการตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์ความสวยงามและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นทุกปี”

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายเข้าไปในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแถบอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย ด้วยการเข้าไปเปิดบูธแสดงสินค้าตามหัวเมืองใหญ่ๆ ของหลายๆ ประเทศเพื่อสร้างการจดจำในตัวแบรนด์ นอกจากนี้ยังได้มีการเจรจากับตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่โดยพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละประเทศนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมการใช้สินค้าอัตราการซื้อสินค้าข้อกฎหมายต่างๆเป็นต้นเบื้องต้นอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนงาน

อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายรายได้ในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 200 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 300% โดยรายได้หลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว จาก3กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก9 รายการ ที่บริษัทมีการทำตลาดอยู่ได้แก่กลุ่มลดนํ้าหนัก,กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับความงาม และกลุ่มผลิตภัณฑ์Makeupโดยปีที่ผ่านมามีการเติบโตที่ 6.5% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.54 แสนล้านบาทแบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว46%ผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผม19% เครื่องสำอาง14% ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกาย 17%และกลุ่มนํ้าหอม 5%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,312 วันที่ 9 - 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว