ไฟเขียวร่างความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง

07 พ.ย. 2560 | 11:55 น.
ไฟเขียวร่างความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง /เห็นชอบจัดตั้ง สนง.เศรษฐกิจการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (ASEAN - Hong Kong, China Free Trade Agreement : AHKFTA) และร่างความตกลงด้านการลงทุนระหว่างรัฐบาลของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กับรัฐบาลของประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (AHKIA)

ทั้งนี้ อาเซียนและฮ่องกงได้กำหนดให้มีการลงนามในร่างความตกลง AHKFTA และ AHKIA ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 (ASEAN Summit) ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2560 ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และกำหนดให้ความตกลงทั้ง 2 ฉบับ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. ร่างความตกลง AHKFTA จะครอบคลุมการเปิดตลาดการค้าสินค้า, การค้าบริการ และความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ แบ่งเป็น

govhouse

1.1 การค้าสินค้า ฮ่องกงจะผูกพันลดภาษีสินค้าทุกรายการภายใต้ AHKFTA ที่ 0% ส่วนไทยจะผูกพันธ์ลดภาษีสินค้า โดยมีรูปแบบของการเปิดตลาด ดังนี้

- กลุ่มสินค้าปกติ 1 ลดภาษีเหลือ 0% ภายใน 3 ปี จำนวน 6,364 รายการ เช่น สับปะรด, ฝรั่ง, มะม่วง, ขนแกะ, ทองแดง, เครื่องดับเพลิง, กล้องถ่ายภาพยนตร์

- กลุ่มสินค้าปกติ 2 ลดภาษีเหลือ 0% ภายใน 10 ปี จำนวน 1,750 รายการ เช่น ผลไม้จำพวกส้ม, ยารักษาหรือป้องกันโรคที่มีเพนิซิลลิน, กลุ่มใยยาวสังเคราะห์ทำด้วยโพลิเอสเทอร์

- กลุ่มสินค้าอ่อนไหว ลดภาษีเหลือ 0-5% ภายใน 12 ปี จำนวน 435 รายการ เช่น แป้งข้าวสาลี, เนื้อลิ้นจี่, ลำไย, โลหะป้องกันหัวรองเท้า, เครื่องเพชรพลอย และรูปพรรณที่เป็นของเทียมอื่นๆ

- กลุ่มสินค้าอ่อนไหวสูง ลดภาษีเหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50% ภายใน 14 ปี จำนวน 650 รายการ เช่น เครื่องนุ่งห่มและอุปกรณ์ประกอบของเครื่องนุ่งห่ม, จานเบรก, เครื่องทำน้ำร้อนด้วยไฟฟ้า, กระเบื้อง

- สินค้าที่นำออกจากการเจรจา รวม 359 รายการ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), ข้าว, ข้าวโพด, ไหม, ผลิตภัณฑ์นม, ไข่สัตว์ปีก, ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่บริโภคได้

kob

1.2 การค้าบริการ โดยสมาชิกอาเซียนและฮ่องกงมีข้อผูกพันธ์เปิดตลาดการค้าบริการ แยกเป็นรายประเทศ ซึ่งข้อผูกพันของไทย คือ

- การอนุญาตให้ผู้ให้บริการของภาคีสมาชิกอาเซียนเข้ามาลงทุนในไทย 74 สาขาย่อย แบ่งเป็น ผู้ให้บริการของภาคีสมาชิกอาเซียนสามารถถือหุ้นในกิจการได้ 25% ใน 2 สาขาย่อย คือ บริการให้เช่าวงจร และบริการสืบค้นข้อมูลออนไลน์/สืบค้นฐานข้อมูล

สำหรับกรณีถือหุ้นในกิจการได้ 40% ใน 2 สาขาย่อย คือ บริการวีดีโอเท็กซ์/ บริการประชุมทางไกลและบริการประมวลผลข้อมูลออนไลน์ผ่านเครือข่ายโทรคมนาคมสาธารณะ

กรณีถือหุ้นในกิจการได้ 49% ใน 51 สาขาย่อย เช่น บริการด้านกฎหมาย, บริการผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์, บริการด้านการศึกษาระดับประถมศึกษา (โรงเรียนนานาชาติ) และบริการด้านการศึกษาระดับมัธยมศึกษา เป็นต้น

และกรณีถือหุ้นในกิจการได้ 70% ใน 19 สาขาย่อย เช่น บริการให้คำปรึกษาในการร่างเอกสารเกี่ยวกับกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (ไม่รวมกฎหมายในประเทศ) และบริการด้านพยากรณ์อากาศและอุตุนิยมวิทยา เป็นต้น

- การให้บริการโดยบุคคลธรรมดา โดยไทยผูกพันธ์เปิดตลาดบริการใน 44 สาขาย่อย สำหรับบุคคลธรรมดา 2 ประเภท คือ ผู้เยี่ยมเยือนทางธุรกิจ (Business Visitor) โดยอนุญาตให้เข้ามาพำนักในไทยได้ไม่เกิน 90 วัน และผู้โอนย้ายภายในบริษัท (Intra-Corporate Transferee) ในระดับผู้จัดการ ผู้บริหาร และผู้เชี่ยวชาญ โดยอนุญาตให้เข้ามาพำนักในไทย ครั้งแรกไม่เกิน 1 ปี และอาจขยายเวลาได้ไม่เกิน 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี

- การอนุญาตให้ผู้ให้บริการของภาคีสมาชิกเข้าไปลงทุนในฮ่องกง โดยถือหุ้นได้ถึง 100% ในสาขาบริการต่างๆ จำนวนกว่า 90% ของสาขาบริการที่ฮ่องกงผูกพันธ์ ยกเว้นบางสาขาที่ฮ่องกงเปิดตลาดแบบมีเงื่อนไข เช่น บริการวิศวกรรม บริการด้านโทรคมนาคม บริการด้านการเงิน เป็นต้น

ทั้งนี้ ฮ่องกงได้เปิดตลาดบริการตามที่ไทยเรียกร้อง ในสาขาบริการการผลิตเนื้อหารายการแก่ผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ โดยผู้ให้บริการของภาคีสมาชิกสามารถถือหุ้นได้ถึง 100%

- การให้บริการโดยบุคคลธรรมดา ฮ่องกงเปิดตลาดบริการในทุกสาขาที่ผูกพันธ์ สำหรับบุคคลธรรมดา 2 ประเภท คือ ผู้เยี่ยมเยือนทางธุรกิจ (Business Visitor) โดยอนุญาตให้เข้ามาพำนักในไทยได้ไม่เกิน 90 วัน และผู้โอนย้ายภายในบริษัท (Intra-Corporate Transferee) ในระดับผู้จัดการ ผู้บริหาร และผู้เชี่ยวชาญ โดยอนุญาตให้เข้ามาพำนักในฮ่องกงครั้งแรกไม่เกิน 1 ปี และอาจได้รับการอนุญาตให้ได้ถึง 5 ปี

1.3 ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ อาเซียนและฮ่องกงได้จัดทำแผนงานภายใต้บทความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการของ AHKFTA ซึ่งครอบคลุม 5 สาขาความร่วมมือ ได้แก่ 1.บริการวิชาชีพ 2.พิธีการศุลกากร 3.การอำนวยความสะดวกทางการค้า/โลจิสติกส์ 4.SMEs 5.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยฮ่องกงสนับสนุนเงิน 25 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง สำหรับโครงการความร่วมมือในระยะเวลา 5 ปี หลังความตกลง AHKFTA มีผลบังคับใช้

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก

2 ร่างความตกลง AHKIA ครอบคลุมการคุ้มครองการลงทุนและการส่งเสริม และการอำนวยความสะดวกการลงทุน แบ่งเป็น 2 เรื่องหลัก คือ

1.การคุ้มครองการลงทุนให้แก่นักลงทุนของภาคีหลังจากที่ได้เข้ามาจัดตั้งธุรกิจแล้วในอีกภาคีหนึ่ง รวมถึงการปฏิบัติต่อการลงทุนด้วยความเป็นธรรม และเท่าเทียมกัน และการให้ความคุ้มครองและความมั่นคงอย่งครบถ้วน และการคุ้มครองเรื่องการเวนคืนและการชดเชย และการโอนเงินที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนเข้าและออกจากประเทศที่เป็นผู้รับการลงทุน

2.การส่งเสริมและการอำนวยความสะดวกการลงทุน เช่น การสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน การทำให้กระบวนการสำหรับการยื่นขอและการอนุมัติการลงทุนง่ายขึ้น การส่งเสริมการเผยแพร่ข้อมูลด้านการลงทุน และการจัดตั้งศูนย์การลงทุนแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวในแต่ละภาคี เป็นต้น

นายกอบศักดิ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า การผูกพันธ์ของไทยภายใต้ความตกลง AHKFTA และความตกลง AHKIA ไม่มีผลให้ไทยต้องแก้ไขกฎหมายภายในประเทศ โดยไทยจะได้รับประโยชน์จากความตกลงดังกล่าว ดังนี้

1.การค้าสินค้า จะทำให้วัตถุดิบที่นำเข้าจากฮ่องกงมีราคาถูกลง
2.การค้าบริการ จะช่วยยกมาตรฐานภาคบริการของไทยโดยผู้เชี่ยวชาญจากฮ่องกง ทั้งนี้ ฮ่องกงได้เปิดตลาดบริการเพิ่มเติมให้ตามที่ไทยเรียกร้องในบริการการผลิตเนื้อหารายการ แก่ผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ ซึ่งเป็นโอกาสที่นักลงทุนไทยจะเข้าไปลงทุนในฮ่องกงอย่างครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงกระบวนการจัดจำหน่าย

3.ด้านการลงทุน ช่วยเปิดโอกาสการเข้าสู่แหล่งทุนในฮ่องกง ซึ่งฮ่องกงมีศักยภาพการลงทุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามแผนแม่บทด้านความเชื่อมโยงอาเซียน และการพัฒนาการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) และการเชื่อมโยงภายใต้นโยบาย One Belt One Road ของจีน

นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย (Hong Kong Economic and Trade Office : HKETO) โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานยกร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. ...ต่อไป

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการพบะปะหารือผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 25 ณ นครดานัง ประเทศเวียดนาม

e-book