ธ.ก.ส.เผย6 เดือนอัดฉีดเงินเข้าระบบ 3.16 แสนล.เป็นสินเชื่อกระตุ้นฐานรากกว่า 1.2 ล้านล.

02 พ.ย. 2560 | 09:06 น.
ธ.ก.ส.เผย 6 เดือนอัดฉีดเงินเข้าระบบ 3.16 แสนล้านบาท คิดเป็นสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากรวมแล้วกว่า 1.2 ล้านล้านบาท

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)เปิดเผยผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีบัญชี 2560 (1 เมษายน -30 กันยายน 2560)ว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมธ.ก.ส.ได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วกว่า 3.16 แสนล้านบาทแรก โดยเมื่อรวมกับยอดการชำระคืนแล้วคิดเป็นสินเชื่อใหม่ที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากในชนบทได้เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 17,843 ล้านบาท ส่งผลยอดรวมของสินเชื่อคงเหลือเป็น 1,294,886 ล้านบาท หรือขยายตัวจากสิ้นปีบัญชี 2559 คิดเป็น 1.40%

tks2

ส่วนสินทรัพย์รวม ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปีบัญชี 2560 ถึง 1,642,487 ล้านบาท โดยธนาคารมียอดเงินฝากรวม 1,385,017 ล้านบาท สำหรับคุณภาพสินทรัพย์ธนาคารมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) 5.75% ของสินเชื่อรวม รวมทั้งธนาคารมีสถานะกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงหรือ BIS Ratio ที่แข็งแกร่ง โดยอยู่ที่ระดับ 12.37% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งเอาไว้ที่8.50%

สำหรับภารกิจที่สำคัญในปีบัญชี 2560 ธ.ก.ส.ยังทำหน้าที่เป็นกลไกรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายภาคการเกษตร ผ่านมาตรการและโครงการที่สำคัญคือ มาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตร ได้แก่ โครงการสนับสนุนสินเชื่อ 1 ตำบล 1 SME เกษตร เพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย โดยจ่ายสินเชื่อไปแล้วกว่า 56,022 ราย เป็นเงิน 68,542 ล้านบาท และมี SME เกษตรที่เป็นหัวขบวนนำการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้วกว่า 2,401 ราย การแก้ไขหนี้นอกระบบของเกษตรกรและบุคคลในครัวเรือน เกษตรกรได้รับความช่วยเหลือ 41,108 ราย ลดภาระหนี้นอกระบบได้ จำนวน 4,001 ล้านบาท

โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเข้าร่วมโครงการ 1,585,031 ราย พื้นที่ 23.76 ล้านไร่ และโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการรัฐ ปี 2560 มีประชาชนทั่วไปผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด 14.1 ล้านราย ลงทะเบียนผ่าน ธ.ก.ส. 7.7 ล้านราย และผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติทั้งหมด 6.16 ล้านราย ซึ่ง ธ.ก.ส.ได้ดำเนินการแจกบัตรสวัสดิการไปแล้ว 5.7 ล้านราย

สำหรับประชาชนที่ผ่านคุณสมบัติรับสวัสดิการรัฐนั้นเป็นเกษตรกรรวม 3.32 ล้านราย โดยเป็นลูกค้าธนาคารประมาณ 1.51 ล้านราย ซึ่งจำนวนหนี้เป็นเกษตรกรที่มีหนี้นอกระบบ 1.24 แสนราย ซึ่งธนาคารสามารถแก้ไขได้ด้วยการโอนเข้ามาเป็นหนี้ของธ.ก.ส.ได้ทันที จากนี้ จึงจะไปดำเนินการแก้ไขให้มีอาชีพ สร้างรายได้ ส่วนลูกหนี้ที่ไม่ได้เป็นลูกหนี้ธนาคารนั้นจะหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป

tks

นายอภิรมย์กล่าวต่อว่า ธ.ก.ส. มุ่งสนับสนุนให้เกษตรกรก้าวผ่านจากการเป็นผู้ผลิตระดับต้นสู่ผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร โดยให้ความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพทั้งการผลิต การตลาด การจัดการบัญชีเงินทุน การพัฒนาฝีมือแรงงาน การวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการ การเพิ่มขีดความสามารถให้กับเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่เกษตรสมัยใหม่ที่เน้นการบริหารจัดการและเทคโนโลยีตลอดห่วงโซ่การผลิต

ขณะเดียวกันได้ประสานความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรให้มีความเป็นสากล พัฒนาสินค้าจากตลาดประชารัฐระดับชุมชน สู่การค้าระหว่างกลุ่มเกษตรกร สถาบันเกษตรกร หรือสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็งไปยังระบบร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ขยายตลาดจากชุมชนสู่ระดับประเทศและระดับโลก ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Commerce เพื่อยกฐานะ SMEs เกษตรรูปแบบเดิมไปสู่ Smart Enterprises และ Startups ที่มีศักยภาพสูงสามารถบรรลุเป้าหมายเกษตรกร 4.0 และยังเป็นหัวขบวนภาคเกษตรที่กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตของประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว