ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลงน้อยกว่าคาด

02 พ.ย. 2560 | 03:15 น.
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงน้อยกว่าคาด ประกอบกับการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 27 ต.ค. 60 ปรับลดลงเพียง 2.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าที่สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานไปเมื่อวันก่อนว่าปรับลดลงถึง 5.1 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับเพิ่มขึ้น 90,000 บาร์เรล

- นอกจากนี้ EIA ยังรายงานว่าการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 9.88 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะเดียวกันการส่งออกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปอยู่ที่ระดับ 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ (โอเปก) รวมทั้งประเทศรัสเซีย ที่คาดว่าจะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบออกไปจนถึงสิ้นปี 61 จากกำหนดเดิมที่เดือน มี.ค. 2561 ซึ่งผลสรุปจะเกิดขึ้นในการประชุมของประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปกในวันที่ 30 พ.ย. 60 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

+ อัตราการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน ต.ค. 60 ปรับตัวลดลง 80,000 บาร์เรลต่อวัน ไปอยู่ที่ระดับ 32.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นอัตราการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบตามข้อตกลงที่ร้อยละ 92 โดยปรับตัวสูงขึ้นจากเดือน ก.ย. 60 ที่อยู่ร้อยละ 86

+/- การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% พร้อมทั้งแสดงภาพเศรฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงเป็นบวก

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานตึงตัว หลังสต็อกน้ำมันเบนซินในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับมีการส่งออกน้ำมันเบนซินจากเอเชียไปยังตะวันออกกลางอย่างต่อเนื่องหลังมีโรงกลั่นน้ำมันปิดซ่อมบำรุงและอุปสงค์ที่ยังคงแข็งแกร่ง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยอินเดียยังคงเพิ่มการส่งออกน้ำมันดีเซลเข้าสู่ตลาด ในขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคยังคงอ่อนตัว

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 51-56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 57-62  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

กลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่จะขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตราว 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 61 ต่อไปอีกราว 3 - 9 เดือน โดยซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่าเป้าหมายหลักของกลุ่มคือการปรับลดปริมาณน้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD oil stocks) ให้กลับมาสู่ระดับปกติที่ระดับค่าเฉลี่ย 5 ปี นอกจากนี้ ซาอุฯ ยังคงหามาตรการเพิ่มเติมเพื่อรักษาสมดุลตลาดน้ำมัน หลังข้อตกลงสิ้นสุดลง

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลงจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ที่คาดจะกลับมาดำเนินการผลิต หลังมีการหยุดซ่อมบำรุงฉุกเฉินจากพายุเฮอร์ริเคน Nate รวมถึงการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง โดยล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 27 ต.ค.60 ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.1 ล้านบาร์เรล

จับตาปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ หลังจากผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับลดปริมาณการขุดเจาะลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากที่ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในช่วงที่ผ่านมา โดยล่าสุด Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสิ้นสุดวันที่ 27 ต.ค. ปรับลดลงกว่า 13 แท่นจากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 737 แท่น ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 60

ที่มา : บมจ.ไทยออยล์ โปรโมทแทรกอีบุ๊ก