สำนักงานประกันสังคม แจงกรณีผู้นำแรงงานสอบเรื่องการจัดเก็บเงินสมทบ
สำนักงานประกันสังคม แจงรัฐบาลปัจจุบันจ่ายเงินสมทบครบถ้วน และจ่ายมากกว่ารัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมา พร้อมแจงรัฐจ่ายสมทบน้อยกว่านายจ้างลูกจ้าง เฉพาะกรณีชราภาพและว่างงานเท่านั้น เผยรัฐบาลสนับสนุนเรื่องการจัดหางาน และส่งเสริมการฝึกอาชีพให้แก่ผู้ว่างงานอยู่แล้ว และกรณีชราภาพซึ่งถือเป็นการออมภาคบังคับ
นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีผู้นำแรงงาน สอบถามเรื่องการเก็บเงินสมทบผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม และกรณีรัฐบาลค้างจ่ายเงินสมทบประกันสังคม 5.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวขอชี้แจงว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในส่วนของรัฐบาลครบถ้วน และยังได้จ่ายเพื่อชำระหนี้เงินสมทบเดิมของรัฐบาลชุดก่อนๆ อีกด้วย โดยจะเห็นได้ว่าในปีงบประมาณ 2561 รัฐบาลต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมจำนวน 3.3 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้สำนักงานประกันสังคม รวมทั้งสิ้นจำนวน 4.2 หมื่นล้านบาท หรือย้อนหลังไปเมื่อปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมจำนวน 3.9 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้สำนักงานประกันสังคมรวมทั้งสิ้น จำนวน 4 หมื่นล้านบาท ดังนั้นสำนักงานประกันสังคมจึงขอยืนยันว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจ่ายเงินสมทบในส่วนของรัฐบาลครบถ้วนและจ่ายมากกว่ารัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมาซึ่งทำให้ลดยอดหนี้เงินสมทบกองทุนประกันสังคมในส่วนของรัฐบาลให้ลดน้อยลงด้วย
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงประเด็นเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบในอัตราร้อยละ 5 เท่ากับนายจ้างและลูกจ้างนั้น สำนักงานประกันสังคมขอเรียนว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม 2547 ที่สำนักงานประกันสังคมให้ความคุ้มครองครบทั้ง 7 กรณี คือ กรณีเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน กฎหมายกำหนดให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบในอัตราร้อยละ 2.75 น้อยกว่านายจ้างและลูกจ้าง เฉพาะกรณีชราภาพและว่างงานเท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนเรื่องการจัดหางาน และส่งเสริมการฝึกอาชีพให้แก่ผู้ว่างงานอยู่แล้ว สำหรับกรณีชราภาพซึ่งเป็นการออมภาคบังคับ รัฐบาลส่วนใหญ่ทั่วโลกไม่ได้ร่วมจ่ายสมทบในส่วนนี้ แต่ในประเทศไทยกฎหมายให้รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบ 1% เพื่อให้รัฐบาล มีส่วนร่วมในการออมเงินกับผู้ประกันตน จึงทำให้รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบน้อยกว่านายจ้างและลูกจ้าง
นายสุรเดช กล่าวในตอนท้ายว่าการลงทุนกองทุนประกันสังคม ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 สำนักงานประกันสังคม มีเงินลงทุน 1.68 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าสิ้นปี 2559 จำนวน 112,703 ล้านบาท มีผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ปี 2534 ถึงปัจจุบัน จำนวน 507,644 ล้านบาท โดยสำนักงานประกันสังคมนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง 80% หลักทรัพย์เสี่ยง 20% ทั้งนี้ ในปี 2560 สิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2560 กองทุนประกันสังคมได้ผลตอบแทนจากการลงทุน รวมทั้งสิ้น 41,306 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ขอให้ลูกจ้าง ผู้ประกันตนเชื่อมั่นในการบริหารงานของสำนักงานประกันสังคมที่ยังคงยึดมั่นประโยชน์สูงสุด ของผู้ประกันตนเป็นสำคัญ อันจะส่งผลให้ผู้ประกันตนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีผู้นำแรงงาน สอบถามเรื่องการเก็บเงินสมทบผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม และกรณีรัฐบาลค้างจ่ายเงินสมทบประกันสังคม 5.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวขอชี้แจงว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในส่วนของรัฐบาลครบถ้วน และยังได้จ่ายเพื่อชำระหนี้เงินสมทบเดิมของรัฐบาลชุดก่อนๆ อีกด้วย โดยจะเห็นได้ว่าในปีงบประมาณ 2561 รัฐบาลต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมจำนวน 3.3 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้สำนักงานประกันสังคม รวมทั้งสิ้นจำนวน 4.2 หมื่นล้านบาท หรือย้อนหลังไปเมื่อปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมจำนวน 3.9 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้สำนักงานประกันสังคมรวมทั้งสิ้น จำนวน 4 หมื่นล้านบาท ดังนั้นสำนักงานประกันสังคมจึงขอยืนยันว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจ่ายเงินสมทบในส่วนของรัฐบาลครบถ้วนและจ่ายมากกว่ารัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมาซึ่งทำให้ลดยอดหนี้เงินสมทบกองทุนประกันสังคมในส่วนของรัฐบาลให้ลดน้อยลงด้วย
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงประเด็นเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบในอัตราร้อยละ 5 เท่ากับนายจ้างและลูกจ้างนั้น สำนักงานประกันสังคมขอเรียนว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม 2547 ที่สำนักงานประกันสังคมให้ความคุ้มครองครบทั้ง 7 กรณี คือ กรณีเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน กฎหมายกำหนดให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบในอัตราร้อยละ 2.75 น้อยกว่านายจ้างและลูกจ้าง เฉพาะกรณีชราภาพและว่างงานเท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนเรื่องการจัดหางาน และส่งเสริมการฝึกอาชีพให้แก่ผู้ว่างงานอยู่แล้ว สำหรับกรณีชราภาพซึ่งเป็นการออมภาคบังคับ รัฐบาลส่วนใหญ่ทั่วโลกไม่ได้ร่วมจ่ายสมทบในส่วนนี้ แต่ในประเทศไทยกฎหมายให้รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบ 1% เพื่อให้รัฐบาล มีส่วนร่วมในการออมเงินกับผู้ประกันตน จึงทำให้รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบน้อยกว่านายจ้างและลูกจ้าง
นายสุรเดช กล่าวในตอนท้ายว่าการลงทุนกองทุนประกันสังคม ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 สำนักงานประกันสังคม มีเงินลงทุน 1.68 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าสิ้นปี 2559 จำนวน 112,703 ล้านบาท มีผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ปี 2534 ถึงปัจจุบัน จำนวน 507,644 ล้านบาท โดยสำนักงานประกันสังคมนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง 80% หลักทรัพย์เสี่ยง 20% ทั้งนี้ ในปี 2560 สิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2560 กองทุนประกันสังคมได้ผลตอบแทนจากการลงทุน รวมทั้งสิ้น 41,306 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ขอให้ลูกจ้าง ผู้ประกันตนเชื่อมั่นในการบริหารงานของสำนักงานประกันสังคมที่ยังคงยึดมั่นประโยชน์สูงสุด ของผู้ประกันตนเป็นสำคัญ อันจะส่งผลให้ผู้ประกันตนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
