นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว กรรมการบริหาร/กรรมการผู้จัดการสายงานวางแผนและควบคุม TITLE กล่าวว่า ผู้บริหารและพนักงานของ TITLE มีความตั้งใจและมุ่งมั่นในการบริหารงานให้ธุรกิจเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง โดยภายหลังจากได้เงินจากการระดมทุนเข้ามาจะทำให้ TITLE มีศักยภาพและความแข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของการดำเนินธุรกิจและฐานะทางการเงิน ซึ่งเป็นโอกาสในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ และความสามารถในการซื้อที่ดินเพิ่มและผุดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ต้องรอให้จบทีละโครงการจึงจะเริ่มผุดโครงการใหม่ได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา
นอกจากนี้ TITLE มีจุดแข็งที่แตกต่างจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายอื่น โดยเป็น TITLE อสังหาฯเพื่อการท่องเที่ยว มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 80% และการวางเงินดาวน์ที่สูง 75% ก่อนจึงจะสามารถโอนห้องชุดได้ ส่งผลให้หมดปัญหาการโอนเพราะไม่มีปัญหาเรื่องการปฏิเสธสินเชื่ออย่างแน่นอน รวมถึงปัญหาการทิ้งดาวน์ด้วย ที่สำคัญคือทำให้บริษัทฯมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในโครงการ จึงทำให้ภาพรวมของโครงการมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำมาก ดังนั้นเชื่อว่าเมื่อหุ้น TITLE เข้าซื้อขายในวันแรกนี้จะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากนักลงทุน
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TITLE กล่าวว่า TITLE มีจุดแข็งในการบริหารงาน ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง โดยเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (2557-2559) อยู่ที่ 50% เนื่องจาก TITLE บริหารโครงการเอง ไม่ผ่าน contractor ทำให้ไม่เสียค่าดำเนินการและควบคุมอัตราการสูญเสีย เชื่อว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและการกำหนดราคาไอพีโอที่เหมาะสม 2.20 บาท เมื่อ TITLE เข้าซื้อขายวันแรกจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนและให้ผลตอบแทนที่น่าประทับใจให้กับผู้ลงทุน