ต้อนเงินทำบุญ สอบจ่ายภาษี
สรรพากรจัดระเบียบเงินบริจาคปีละ 6 หมื่นล้านบาท นำร่องต้อนเงินวัดเข้าระบบ “ประสงค์” ยันไม่ใช่เก็บภาษี แค่อำนวยความสะดวกยื่นแบบประจำปี ก่อนขยายวงกวาดเงินโรงเรียน และองค์กรสาธารณกุศลต่อไป
กรมสรรพากรเตรียมขยายพื้นที่การลงทะเบียนระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์(e-Donation) ไปยังโรงเรียน โบสถ์ศาสนาคริสต์ และมูลนิธิ สถานสาธารณกุศล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริจาคเงิน สามารถนำมาหัก ลดหย่อนภาษีเงินได้ จากกรมสรรพากร ซึ่งในแต่ละปี มียอดบริจาคเกือบ 5-6 หมื่นล้านบาท
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรพัฒนาระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) โดยนำร่องที่วัดในจังหวัดน่าน มีวัตถุประสงค์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริจาคเงินให้กับศาสนสถาน เพื่อบันทึกเป็นหลักฐาน เวลาที่ต้องยื่นขอสิทธิลดหย่อนภาษี โดยไม่ต้องเก็บหลักฐานการบริจาคไว้ ซึ่งจะทำให้ได้รับเงินคืนภาษีได้อย่างรวดเร็วขึ้น
[caption id="attachment_226539" align="aligncenter" width="415"]
ประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร[/caption]
“ที่ผ่านมาเราพบว่า เวลาไปบริจาคเงินให้กับวัดเราไม่เคยได้รับใบอนุโมทนาบัตร หรือที่ได้มาก็ไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ เพราะบางครั้งอาจจะเขียนชื่อผิด หรือที่มีแต่เมื่อจะนำมาใช้กลับสูญหาย ดังนั้นเราจึงเห็นว่าผู้บริจาคเงินไม่ต้องยื่นเอกสารเพราะจะมีข้อมูลยอดบริจาคเข้ามาในระบบเลย ซึ่งก็จะสะดวกทั้งวัด ที่ไม่ต้องพิมพ์ใบอนุโมทนาบัตรและผู้บริจาคก็ไม่ต้องมีภาระเก็บเอกสารด้วย”
นายประสงค์ ยืนยันว่า การพัฒนาระบบบริจาคอิเล็ก ทรอนิกส์ ไม่ใช่นโยบายการขยายฐานผู้เสียภาษีเพิ่มขึ้น เพราะวัด โรงเรียน ศาสนสถานและสถานสาธารณกุศลจะได้รับยกเว้นภาษีอยู่แล้ว และผู้บริจาคก็ไม่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายด้วย เป็นเพียงการเก็บข้อมูลเข้าระบบออนไลน์เท่านั้น
อย่างไรก็ตามขณะนี้เป็นเพียงขั้นเริ่มต้นนำร่องกับวัดเท่านั้น แต่ต่อไปจะขยายพื้นที่การลงทะเบียนไปยังโรงเรียนโบสถ์ศาสนาคริสต์ และมูลนิธิ สถานสาธารณกุศล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริจาคเงินให้มากขึ้น เพราะในแต่ละปี จะมียอดบริจาคเกือบ 5-6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวยังเป็นไปตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ของรัฐบาล ที่กำหนดให้ทุกส่วนราชการปรับปรุงการให้บริการให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการดำเนินการของกรมสรรพากรในการปรับปรุงการให้บริการด้านการรับบริจาคของสถานศึกษา วัดวาอาราม ก็เป็นส่วนหนึ่งตามนโยบายของรัฐบาลด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,310 วันที่ 2 - 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
กรมสรรพากรเตรียมขยายพื้นที่การลงทะเบียนระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์(e-Donation) ไปยังโรงเรียน โบสถ์ศาสนาคริสต์ และมูลนิธิ สถานสาธารณกุศล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริจาคเงิน สามารถนำมาหัก ลดหย่อนภาษีเงินได้ จากกรมสรรพากร ซึ่งในแต่ละปี มียอดบริจาคเกือบ 5-6 หมื่นล้านบาท
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรพัฒนาระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) โดยนำร่องที่วัดในจังหวัดน่าน มีวัตถุประสงค์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริจาคเงินให้กับศาสนสถาน เพื่อบันทึกเป็นหลักฐาน เวลาที่ต้องยื่นขอสิทธิลดหย่อนภาษี โดยไม่ต้องเก็บหลักฐานการบริจาคไว้ ซึ่งจะทำให้ได้รับเงินคืนภาษีได้อย่างรวดเร็วขึ้น
[caption id="attachment_226539" align="aligncenter" width="415"]
“ที่ผ่านมาเราพบว่า เวลาไปบริจาคเงินให้กับวัดเราไม่เคยได้รับใบอนุโมทนาบัตร หรือที่ได้มาก็ไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ เพราะบางครั้งอาจจะเขียนชื่อผิด หรือที่มีแต่เมื่อจะนำมาใช้กลับสูญหาย ดังนั้นเราจึงเห็นว่าผู้บริจาคเงินไม่ต้องยื่นเอกสารเพราะจะมีข้อมูลยอดบริจาคเข้ามาในระบบเลย ซึ่งก็จะสะดวกทั้งวัด ที่ไม่ต้องพิมพ์ใบอนุโมทนาบัตรและผู้บริจาคก็ไม่ต้องมีภาระเก็บเอกสารด้วย”
นายประสงค์ ยืนยันว่า การพัฒนาระบบบริจาคอิเล็ก ทรอนิกส์ ไม่ใช่นโยบายการขยายฐานผู้เสียภาษีเพิ่มขึ้น เพราะวัด โรงเรียน ศาสนสถานและสถานสาธารณกุศลจะได้รับยกเว้นภาษีอยู่แล้ว และผู้บริจาคก็ไม่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายด้วย เป็นเพียงการเก็บข้อมูลเข้าระบบออนไลน์เท่านั้น
อย่างไรก็ตามขณะนี้เป็นเพียงขั้นเริ่มต้นนำร่องกับวัดเท่านั้น แต่ต่อไปจะขยายพื้นที่การลงทะเบียนไปยังโรงเรียนโบสถ์ศาสนาคริสต์ และมูลนิธิ สถานสาธารณกุศล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริจาคเงินให้มากขึ้น เพราะในแต่ละปี จะมียอดบริจาคเกือบ 5-6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวยังเป็นไปตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ของรัฐบาล ที่กำหนดให้ทุกส่วนราชการปรับปรุงการให้บริการให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการดำเนินการของกรมสรรพากรในการปรับปรุงการให้บริการด้านการรับบริจาคของสถานศึกษา วัดวาอาราม ก็เป็นส่วนหนึ่งตามนโยบายของรัฐบาลด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,310 วันที่ 2 - 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
