“บวรศักดิ์”โละกฎหมายโบราณลดความเหลื่อมล้ำ
“บวรศักดิ์”เล็งออกกฏหมายลูก มาตรา 77 สร้างบรรทัดฐานการรับฟังความเห็น ชงตั้ง คณะกรรมกลาง ทุกกระทรวง โละกฎหมายโบราณลดความเหลื่อมล้ำ คาดประกาศใช้แผนปฏิรูปเดือน มี.ค. 2561
1 พ.ย. 60 ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย เปิดเผยภายหลังการประชุมรับฟังความแผนปฏิรูปกฎหมาย เป็นวันแรก จากตัวแทน 2 หน่วยงานราชการ คือ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เนื่องจากทั้ง 2 หน่วยงาน มีความเกี่ยวข้องกับแผนการปฏิรูปกฎหมายมากที่สุด
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า รวมถึง 2 หน่วยงานมีข้อเสนอเพิ่มเติมให้มีการกำหนดแผนนิติบัญญัติเพื่อให้การตรากฎหมายมีแบบแผนและมีกรอบระยะเวลาชัดเจน ส่วนในวันที่ 2 พฤศจิกายน ก็จะมีการประชุมที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นการเชิญตัวแทนจาก 3 หน่วยงาน คือ สภาพัฒน์ฯ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งจะทยอยฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 20 หน่วยงาน พร้อมกันนี้ก็จะฟังความคิดเห็นจากประชาชน 4 ภาค เริ่มในวันที่ 15 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
"หลักของแผนการปฏิรูปกฎหมายคือ การให้มีกลไกการออกกฎหมายเท่าที่จำเป็น พร้อมกับทบทวนกฎหมายที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนปี 2500 เนื่องจากมีกฎหมายบางฉบับที่ล้าสมัย และเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพของประชาชน อาทิ พ.ร.บ.เดินเรือน่านน้ำไทย พ.ศ.2457 หรือในเรื่องของกฎหมายขายฝากที่สร้างความไม่เป็นธรรม เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน เป็นต้น"
นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการออกกฎหมายลูกของมาตรา 77 ในรัฐธรรมนูญปี2560 ที่กำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นประชาชน แต่ยังไม่มีแนวทางการในการปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่งในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนในเรื่องของการทบทวนและแก้ไขกฎหมายที่ไม่จำเป็น จะเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการกลาง ประจำกระทรวง โดยให้มีตัวแทนมาจาก คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย ก.พ.ร. ส่วนราชการผู้อยู่ใต้บังคับใช้กฎหมาย นักวิชาการเป็นองค์ประกอบ ทั้งนี้คาดว่า หากมีการประกาศใช้แผนปฏิรูปกฎหมาย มีนาคม 2561 ก็จะให้ระยะเวลาส่วนราชการเตรียมความพร้อมประมาณ 3-6 เดือน
ส่วนกลไกการติดตามให้การปฏิบัติเป็นไปตามแผนจะมีคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายเป็นผู้ติดตาม หากพบว่า ไม่เป็นไปตามแผนก็จะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและวุฒิสภาตามขั้นตอน
1 พ.ย. 60 ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย เปิดเผยภายหลังการประชุมรับฟังความแผนปฏิรูปกฎหมาย เป็นวันแรก จากตัวแทน 2 หน่วยงานราชการ คือ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เนื่องจากทั้ง 2 หน่วยงาน มีความเกี่ยวข้องกับแผนการปฏิรูปกฎหมายมากที่สุด
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า รวมถึง 2 หน่วยงานมีข้อเสนอเพิ่มเติมให้มีการกำหนดแผนนิติบัญญัติเพื่อให้การตรากฎหมายมีแบบแผนและมีกรอบระยะเวลาชัดเจน ส่วนในวันที่ 2 พฤศจิกายน ก็จะมีการประชุมที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นการเชิญตัวแทนจาก 3 หน่วยงาน คือ สภาพัฒน์ฯ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งจะทยอยฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 20 หน่วยงาน พร้อมกันนี้ก็จะฟังความคิดเห็นจากประชาชน 4 ภาค เริ่มในวันที่ 15 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
"หลักของแผนการปฏิรูปกฎหมายคือ การให้มีกลไกการออกกฎหมายเท่าที่จำเป็น พร้อมกับทบทวนกฎหมายที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนปี 2500 เนื่องจากมีกฎหมายบางฉบับที่ล้าสมัย และเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพของประชาชน อาทิ พ.ร.บ.เดินเรือน่านน้ำไทย พ.ศ.2457 หรือในเรื่องของกฎหมายขายฝากที่สร้างความไม่เป็นธรรม เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน เป็นต้น"
นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการออกกฎหมายลูกของมาตรา 77 ในรัฐธรรมนูญปี2560 ที่กำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นประชาชน แต่ยังไม่มีแนวทางการในการปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่งในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนในเรื่องของการทบทวนและแก้ไขกฎหมายที่ไม่จำเป็น จะเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการกลาง ประจำกระทรวง โดยให้มีตัวแทนมาจาก คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย ก.พ.ร. ส่วนราชการผู้อยู่ใต้บังคับใช้กฎหมาย นักวิชาการเป็นองค์ประกอบ ทั้งนี้คาดว่า หากมีการประกาศใช้แผนปฏิรูปกฎหมาย มีนาคม 2561 ก็จะให้ระยะเวลาส่วนราชการเตรียมความพร้อมประมาณ 3-6 เดือน
ส่วนกลไกการติดตามให้การปฏิบัติเป็นไปตามแผนจะมีคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายเป็นผู้ติดตาม หากพบว่า ไม่เป็นไปตามแผนก็จะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและวุฒิสภาตามขั้นตอน
