KTAM เสิร์ฟกองตราสารหนี้ตปท. 6 เดือน ชู 1.30% ต่อปี
บลจ.กรุงไทย เดินหน้าออกกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศต่อเนื่อง ชูกองทุน KTFF173 อายุ 6 ผลตอบแทน1.30%ต่อปี
[caption id="attachment_226114" align="aligncenter" width="335"]
นางชวินดา หาญรัตนกูล[/caption]
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 171 (KTFF173) ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 อายุโครงการ 6 เดือน ลงทุนในเงินฝากประจำ Bank of China , Agricultural Bank of China , Abu Dhabi Commercial Bank PJSC ,บัตรเงินฝาก China Development Bank , Bank of Communications และ Industrial and Commercial Bank of China Ltd. ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 19% ยกเว้น Abu Dhabi Commercial Bank PJSC ลงทุนในสัดส่วน 5% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.30% ต่อปี บุคคลลธรรมดาไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย
อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกช่วงอายุตามแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ โดยอัตราผลตอบแทนปรับตัวในทิศทางเดียวกันกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ประกอบกับตลาดไม่ตอบรับการประมูลพันธบัตรอายุคงเหลือ 15 ปี (LB316A) ทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางถึงยาวมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิจำนวน 4,926 ล้านบาท
ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในกรอบแคบ ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง การที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกามีมติอนุมัติงบประมาณปี 2561 ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่การเดินหน้ามาตรการปฏิรูปภาษีของทรัมป์ รวมถึงการที่ธนาคารกลางยุโรป(ECB) จะเริ่มลดวงเงิน QE ตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 และตลาดยังคงรอดูผลการแต่งตั้งประธานธนาคารกลางสหรัฐ( Fed )คนใหม่ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.59% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 2.03% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.42% ต่อปี
“ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่โฆษณาไว้”
[caption id="attachment_226114" align="aligncenter" width="335"]
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 171 (KTFF173) ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 อายุโครงการ 6 เดือน ลงทุนในเงินฝากประจำ Bank of China , Agricultural Bank of China , Abu Dhabi Commercial Bank PJSC ,บัตรเงินฝาก China Development Bank , Bank of Communications และ Industrial and Commercial Bank of China Ltd. ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 19% ยกเว้น Abu Dhabi Commercial Bank PJSC ลงทุนในสัดส่วน 5% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.30% ต่อปี บุคคลลธรรมดาไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย
อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกช่วงอายุตามแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ โดยอัตราผลตอบแทนปรับตัวในทิศทางเดียวกันกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ประกอบกับตลาดไม่ตอบรับการประมูลพันธบัตรอายุคงเหลือ 15 ปี (LB316A) ทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางถึงยาวมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิจำนวน 4,926 ล้านบาท
ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในกรอบแคบ ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง การที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกามีมติอนุมัติงบประมาณปี 2561 ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่การเดินหน้ามาตรการปฏิรูปภาษีของทรัมป์ รวมถึงการที่ธนาคารกลางยุโรป(ECB) จะเริ่มลดวงเงิน QE ตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 และตลาดยังคงรอดูผลการแต่งตั้งประธานธนาคารกลางสหรัฐ( Fed )คนใหม่ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.59% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 2.03% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.42% ต่อปี
“ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่โฆษณาไว้”
