‘ธารารมณ์’ เล็กแต่มั่นคง

04 พ.ย. 2560 | 12:47 น.
แม้บริษัท ธารารมณ์ฯ จะเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ชื่อเสียงก็เป็นที่ยอมรับของตลาด เพราะยืนหยัดอยู่ในธุรกิจนี้มานาน 47 ปี โดยสินค้าหลักคือบ้านจัดสรรเซ็กเมนต์กลาง-บน ถึงตลาดอสังหาฯจะชะลอตัวในช่วง 1-2 ปีนี้ก็ตาม ยังสามารถทำยอดขายได้ระดับ 1,000 ล้านบาท ต่อเนื่องถึงปีนี้ ภายใต้การบริหารของ วสันต์ เคียงศิริ ถือเป็นเจนเนอเรชัน 2 ของกลุ่มธารารมณ์

++ปี60 รายได้ 1,000 ล้านบาท
ในปีนี้ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่พอใจ คาดว่าถึงสิ้นปีจะทำรายได้ถึง 1,000 ล้านบาท ยอดขายประมาณ 1,000 ล้านบาทเช่นกัน ทรงตัวต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 เพราะตลาดแนวราบไม่หวือหวา แต่มั่นคง คนซื้ออยู่จริง นอกจากนี้ปัจจุบันที่ดินแปลงใหญ่ๆ และอยู่ไม่ไกล นำมาพัฒนาบ้านจัดสรรในระดับราคาที่จับต้องได้ นั้นหายาก จะเห็นว่าบ้านเดี่ยวอยู่ชานเมือง ของธารารมณ์ซึ่งเป็นที่ดินเดิมยังต้องขยับราคาขึ้น บ้านเดี่ยวราคาไม่ตํ่ากว่า 5 ล้านบาท สมัยหนึ่งราคากว่า 3 ล้านบาท ปัจจุบันกว่า 5 ล้านบาทเกือบ 6 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เมื่อก่อนเราก็กังวลว่าจะอยู่ในเซ็กเมนต์นี้ต่อไปได้หรือไม่ เพราะวัตถุดิบ (ที่ดิน) หายาก

แต่เมื่อมีการขยายสาธารณูปโภค เช่น โครงการรถไฟฟ้า และถนนตัดใหม่ ถือเป็น การเปิดทำเลใหม่ๆ และยังมีข้อดีอีกอย่าง โครงการเมกะโปรเจ็กต์ยุคนี้เซ็นสัญญาแล้วก่อสร้างเลย อีกอย่างโครงการแนวราบไม่จำเป็นต้องติดถนนใหญ่ หรือใกล้สถานีรถไฟฟ้า ทำให้เปิดพื้นที่การพัฒนาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ก็จะเห็นกลุ่มทาวน์เฮาส์บูมขึ้น ซึ่งธารารมณ์ก็ทำ แต่ยังหาที่ค่อนข้างยาก

“ตอนนี้สิ่งที่เห็นคือแรงงานเริ่มย้าย ไม่ได้กระจุกตัวในซีบีดี สุขุมวิท หรือรัชดาภิเษก อีกต่อไป กลายเป็นว่าแหล่งงานหลายกลุ่ม รวมถึงหน่วยงานราชการเริ่มขยับขยายออกมาจากซีบีดี เช่น โรงเรียน ขยายออกมานอกชานเมือง ทำให้กรุงเทพฯชั้นในไม่แออัด”

[caption id="attachment_226055" align="aligncenter" width="342"] วสันต์ เคียงศิริ วสันต์ เคียงศิริ[/caption]

++ไม่เน้นบ้านเดี่ยวราคาสูง
ตลาดหลักของธารารมณ์คือ บ้านเดี่ยว ราคาตํ่าสุดอยู่ที่ 5 ล้านบาทปลาย ขึ้นไปถึง 8 ล้านบาท ดังนั้น ที่ดิน เป็นสิ่งท้าทายต่อบริษัท หาที่ดินพัฒนาโครงการตามแผนค่อนข้างยาก สำหรับบ้านเดี่ยวตลาดสูง เป็นนิชมาร์เก็ต ผมยังไม่ได้เข้าไป บริษัทที่ทำส่วนใหญ่พัฒนาบนที่ดินที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่ซื้อมาใหม่ แต่ถ้าซื้อที่ดินมาใหม่เพื่อพัฒนาถือว่าค่อนข้างเสี่ยงในการทำบ้านราคา 40-50 ล้านบาท ขายในภาวะตลาดชะลอตัวถือว่าเหนื่อย ผมอยู่ในตลาดมาปีนี้ 47 ปีแล้ว ยังไม่กล้าทำ

เซกเมนต์กลุ่มราคา 5-10 ล้านบาทที่ธารารมณ์ การแข่งขันไม่รุนแรงเท่าไร ซัพพลายมีน้อย เพราะถูกจำกัดด้วยที่ดิน หายาก แต่ไม่สามารถโตแบบหวือหวา เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ พัฒนาคอนโดมิเนียมแทน มูลค่าโครงการมากกว่า เนื่องจากราคาที่ดินค่อนข้างแพง ด้านกำไรไม่ค่อยสูง ถูกบีบด้วยราคาที่ดิน

บ้านธารารมณ์ใช้เวลาสร้าง 6-8 เดือน และขายระหว่างสร้าง ถ้ามีลูกค้ามาซื้อระหว่างสร้างและต้องการปรับแบบในบางส่วนก็สามารถทำได้

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01 “ปี 2560 ธารารมณ์เปิดตัวโครงการใหม่น้อยมาก และไม่ใช่โครงการใหม่ เป็นการขยาย 2 โครงการใกล้ทำเลเดิม เนื่องจากบรรยากาศไม่เอื้อ ประกอบกับปัญหาสินเชื่อเริ่มเห็นแสงนิดหน่อย ถ้าสถานการณ์ดีกว่านี้ ก็มีโครงการที่เตรียมจะเปิดอยู่แล้ว”

“เราผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก จึงรู้ว่าควรจะชะลอคันเร่งตอนไหน และเหยียบคันเร่งตอนไหน สิ่งสำคัญของบริษัทอสังหาฯไม่ใช่เรื่องกำไร แต่เป็นเรื่องสภาพคล่อง ในวิกฤติหลายครั้งที่ผ่านมาตลาดอสังหาฯชะลอตัว เรื่องสภาพคล่อง และการบริหาร สต๊อก สำหรับผมได้น้อยไม่เป็นไร เราไม่จำเป็นต้องแบกส่วนแบ่งตลาดมากๆ แต่ขอให้เรามั่นคง ลูกค้าซื้อแล้วมั่นใจว่าเราไม่ทิ้ง พนักงานก็มีความมั่นคง”

++ร่วมทุนไม่ใช่เรื่องจำเป็น
เพราะทุนก็มีและต้นทุนถูกกว่าด้วย โนว์ฮาวด้านนี้ไม่คิดว่าต่างชาติจะรู้จักตลาดไทยได้ดีกว่า ที่ผ่านมามีการคุยกับบริษัทญี่ปุ่นเกี่ยวกับบ้านสำเร็จรูป

“ธารารมณ์ถึงแม้เป็นบริษัทนอกตลาด ก็สามารถอยู่ได้ เมื่อใดที่ตลาดรวมมีการเติบโต ศักยภาพของบริษัทก็ขยายตัวตามไป แต่เมื่อใดที่ตลาดชะลอตัวเราก็หดตัวได้ ถือเป็นข้อได้เปรียบของเรา”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,310 วันที่ 2 - 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว