สิงห์เอสเตท สานต่อกิจการเพื่อสังคม มุ่งพัฒนาและดูแลสิ่งแวดล้อม

05 พ.ย. 2560 | 03:16 น.
จากนโยบายการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่วางเป้าหมายชัดเจนว่า ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม จะต้องไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และต้องมีส่วนในการสร้างสังคมให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน (Sustainability Development Strategy) ภายใต้แนวคิด มุ่งพัฒนาธุรกิจด้วยการสร้างความยั่งยืนให้แก่องค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้งสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

“นริศ เชยกลิ่น” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้นำทีมสิงห์เอสเตท สานต่อโครงการ “พีพี กำลังจะเปลี่ยนไป” ผ่านกิจกรรม “โตไวไว” โดยร่วมกับภาครัฐ นักวิชาการ และชุมชน ร่วมปลูกต้นพีพี ปลูกปะการัง และปล่อยปลาการ์ตูน คืนสู่ธรรมชาติ ที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยต่อยอดโครงการพีพี โมเดล ซึ่งริเริ่มโดย ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีภาควิชา วิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ที่ปรึกษากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ประสบความสำเร็จกับการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะปะการังให้กลับมาสมบูรณ์ ควบคู่กับการรณรงค์การท่องเที่ยวที่รักษาระบบนิเวศวิทยา พร้อมทั้งเดินหน้าแนวคิดและการวางแผนจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ทางทะเลในโรงแรมของกลุ่มสิงห์เอสเตท

MP28-3310-3A ในธุรกิจโรงแรม สิงห์เอสเตทร่วมทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เรามีส่วนในการสนับสนุน ให้เรือตรวจการกับกรมอุทยานแห่งชาติ เพื่อใช้ในการดูแลรักษาอุทยานแห่งชาติให้มีความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังมีการมอบทุ่น และเข้าไปมีส่วนร่วมในการปลูกปะการัง และการปล่อยปลาการ์ตูน

MP28-3310-2A ส่วนทางอ้อม สิงห์เอสเตท ได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ทางทะเล (Marine Center) ที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศน์ การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเล เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ โดยจะตั้งศูนย์ดังกล่าวนี้ ในบริเวณโรงแรมของกลุ่มสิงห์เอสเตท เพื่อให้ความรู้โดยตรงกับนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างที่ โรงแรมพีพีไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท และจะขยายไปในโรงแรมอื่นๆ ทั้ง โรงแรมสันติบุรีบีช รีสอร์ท แอนด์สปา สมุย และโรงแรมที่มัลดีฟส์ ที่จะเปิดให้บริการกลางปีหน้า

MP28-3310-5A “เราจะไม่มีส่วนในการร่วมทำลาย อย่างร้านอาหารของโรงแรม ก็จะไม่ขายหูฉลาม และปลานกแก้ว...เอกชนมีผลโดยตรงต่อความเสียหาย และต่อการฟื้นฟู ถ้านักท่องเที่ยวของทุกโรงแรมมีความเข้าใจหมด ก็จะไม่เกิดความเสียหายมากไปกว่านี้ เมื่อเราหยุดความสูญเสีย แล้วฟื้นฟูกลับมา เราก็จะได้ธรรมชาติที่สมบูรณ์กลับมา เราจะค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ฟื้นฟู ช่วยกันดูแล

MP28-3310-6A “นริศ” บอกว่า ทุกๆ โครงการของสิงห์เอสเตท จะไม่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง อย่างเช่นที่มัลดีฟส์ พยายามที่จะใช้ระบบพลังงานที่ไม่ใช้ฟอสซิลมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ในโครงการทั้งหลายของสิงห์เอสเตท พยายามที่จะหาวิธีการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการบริหารจัดการขยะ ซึ่งวันนี้ได้เริ่มทำที่แล้วที่สมุย เริ่มนำระบบ Gasification มาใช้ ซึ่งเป็นกระบวนการพิเศษที่แปลงวัสดุคาร์บอนพื้นฐาน (carbon-based materials) ทั้งในรูปของแข็งและของเหลว อาทิ ขยะชุมชน หรือชีวมวล ให้อยู่ในรูปของก๊าซโดยการให้ความร้อนระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงระดับการเผา และจำกัดปริมาณออกซิเจนหรืออากาศ โดยความร้อนระดับนี้จะทำให้โมเลกุลเกิดการแตกตัว ในเบื้องต้นได้นำขยะเปียก เศษอาหาร จากโรงแรมมาทำปุ๋ยชีวภาค น้ำที่ใช้ในโรงแรม ก็เอามารดน้ำต้นไม้ เป็นต้น

MP28-3310-4A ส่วนโครงการที่อยู่อาศัย เน้นการบริหารจัดการภายในโครงการ ตั้งแต่การดูแลสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกอาคาร การสร้างทัศนียภาพที่สวยงาม และสร้างให้เกิดประโยชน์เต็มที่ และเปิดให้คนรอบข้างเข้ามาใช้ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าบริการ เนื่องจากสิ่งแวดล้อมคือส่วนสำคัญของการดำเนินธุรกิจ และเป็นกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่สิงห์เอสเตทยึดเป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน

MP28-3310-1A จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,310 วันที่ 2 - 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว