ทุนเอสเอ็มอีเปิดก๊อก2 กางแผนธุรกิจปี61หลังออร์เดอร์ล้นมือ

04 พ.ย. 2560 | 13:22 น.
ทุนเอสเอ็มอีแห่วางแผนธุรกิจปี 61 เร่งประกาศหาพันธมิตรร่วมทุน ขยายโรงงาน เพิ่มกำลังผลิต ล่าสุด แบรนด์ “DR.CoCo” ออร์เดอร์ล้น กระแสตอบรับจากประเทศเพื่อนบ้านทะลักผลิตไม่ทัน ไม่มีโกดังรองรับ ด้าน นํ้าพริก “รุ่งเจริญ” ควักทุนขยายรง. จีบ 2 บริษัทศูนย์กระจายสินค้าเป็นพันธมิตร ปลายปีนี้ได้ข้อสรุป ขณะที่โคโค่บี ฮันนี ชิกเก้นแย้มทาบบริษัทเครื่องดื่มชื่อดังมาเป็นพันธมิตร

หลังจากที่ภาครัฐบาลออกมาประกาศจุดยืนให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี โดยออกมาตรการสนับสนุนทางการเงิน รวมถึงร่วมกับเอกชนเดินสายหาตลาดส่งออกมาเป็นระยะ แต่มาตรการดังกล่าวผู้ประกอบการบางรายยังเข้าไม่ถึงระบบปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอี จึงต้องดิ้นร้นช่วยตัวเอง เพื่อให้ธุรกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยเฉพาะการเดินแผนระดมทุนด้วยการประกาศหาพันธมิตรทางธุรกิจในรูปแบบต่างๆ และล่าสุดหลายค่ายออกมาประกาศแผนธุรกิจปี 2561 แล้ว

[caption id="attachment_225858" align="aligncenter" width="351"] ดร.สมสิทธิ์ มูลสถาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทโคโค อินโนเวชั่น จำกัด ดร.สมสิทธิ์ มูลสถาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทโคโค อินโนเวชั่น จำกัด[/caption]

ดร.สมสิทธิ์ มูลสถาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทโคโค อินโนเวชั่น จำกัด ผู้คิดค้นเครื่องเจาะ ปอก ผ่ามะพร้าวสเตนเลส ภายใต้แบรนด์ “DR.CoCo” เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงแผนธุรกิจปี 2561 ว่าอยู่ระหว่างประกาศหาพันธมิตรร่วมทุน โดยต้องการให้เข้ามาถือหุ้นในบริษัทสัดส่วน 40% สามารถถือหุ้นได้มากกว่า 1 ราย และสัดส่วน 60% ยังคงถือหุ้นโดยบริษัท ทั้งนี้บริษัทมีเป้า หมายระดมทุนก้อนใหม่เข้ามาขยายธุรกิจจำนวน 15 ล้านบาท

ทั้งนี้การระดมเงินทุนดังกล่าวก็เพื่อมาสร้างโกดังสต๊อกสินค้าย่านดอนเมือง เพื่อรอจำหน่ายเครื่องปอก เจาะ และเครื่องผ่ามะพร้าวสำเร็จรูป ส่งต่อไปยังลูกค้าปลายทาง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทเริ่มประสบปัญหามีออเดอร์เข้ามาจนล้นมือ แต่ไม่สามารถผลิตป้อนให้ลูกค้าได้ ขณะนี้ภายใน 1 เดือนจะมีออเดอร์เข้ามาจำนวน 50 ชิ้น แต่บริษัทสามารถผลิตรองรับได้เพียง 25 ชิ้นต่อเดือน โดยกลุ่มลูกค้ามีทั้งในประเทศและจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะในกลุ่มตลาด CLMV จะได้รับการตอบรับเข้ามาจำนวนมาก โดยลูกค้าส่วนใหญ่เห็นสินค้าจากการแชร์ยูทูบ ที่รีรันออกไปหลายรอบ

“เรามีการเจรจาหาพันธมิตรร่วมทุนอยู่ 3 รายเป็นคนไทย อาจจะมาร่วมทุนด้วยทั้งหมดถือหุ้นในสัดส่วน 5-10% คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปลายปีนี้ และภายในต้นปี 2561 จะเริ่มขยายการลงทุน

ด้านนายธนาวัฒน์ โพธิ์เผื่อนน้อย กรรมการผู้จัดการบริษัทพี.พี.เอ็น.ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตนํ้าพริกสำเร็จรูปในแบบทานพอดีมื้อ ตามแบบฉบับนํ้าพริกมินิสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ “รุ่งเจริญ” ว่าปี 2561 เตรียมแผนลงทุนราว 10 ล้านบาท สำหรับขยายโรงงานเดิมที่บางปู จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีพื้นที่ใช้งาน 600 ตารางวา จะเพิ่มเป็น 800 ตารางวา รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ รสชาติใหม่ และโปรดักต์ใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับลูกค้า ที่ปัจจุบันมี 14 รสชาติ จะเพิ่มอีก 16-17 รสชาติ โดยการขยายตัวนี้จะต้องสร้างโรงงานพร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ นอกจากนี้จะเป็นปีที่จะต้องหาพันธมิตรทางการค้า ที่ขณะนี้เจรจากับ 2 บริษัทที่ทำธุรกิจศูนย์กระจายสินค้า เพื่อให้เกิดความสะดวกในการกระจายสินค้ามากขึ้น คาดว่าการเจรจาดังกล่าวจะสำเร็จได้ภายในปลายปีนี้ เป็นในลักษณะพันธมิตรทางการค้า ช่วยกระจายสินค้า เนื่องจากบริษัทต้องการใช้กำลังผลิตให้ได้เต็มที่ ซึ่งมีขีดความสามารถสูงถึง 3-5 ล้านถ้วยต่อเดือน แต่ปัจจุบันมียอดขายอยู่ที่ 1-1.5 ล้านถ้วยต่อเดือน โดยมียอดขายต่อปีราว 60 ล้านบาท ปีหน้าตั้งเป้ายอดขายจะเพิ่มขึ้นราว 20-25%

“เวลาที่เศรษฐกิจไม่ดีธุรกิจอาหารไม่ค่อยกระทบ ดูจากสินค้าเราเติบโตได้ทุกปีตั้งแต่ 5-10% ขึ้นไป และนํ้าพริกมินิสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ “รุ่งเจริญ” ก็ติดตลาดมากขึ้น จากการขายในนามแบรนด์เราเองเกือบ 100% ซึ่งภายในปีหน้าจะเริ่มหันไปขยายฐานตลาดรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์อื่น โดยจะเป็นผู้พัฒนาแบรนด์ให้กับคู่ค้าด้วย”

[caption id="attachment_225860" align="aligncenter" width="335"] กนกสร ประดิษฐ์ เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารเกาหลี CocoBee Honey Chicken (โคโค่บี ฮันนี ชิกเก้น กนกสร ประดิษฐ์ เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารเกาหลี CocoBee Honey Chicken (โคโค่บี ฮันนี ชิกเก้น[/caption]

นางกนกสร ประดิษฐ์ เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารเกาหลี CocoBee Honey Chicken (โคโค่บี ฮันนี ชิกเก้น)กล่าวว่าล่าสุดเริ่มมีทุนคนไทยสนใจจะเข้ามาร่วมธุรกิจด้วย หลังจากที่ได้รับการขานรับจากลูกค้าที่นิยมรับประทานอาหารเกาหลีโดยเฉพาะ ไก่ทอดกรอบเกาหลี ยังคงรสชาติออริจินัล อีกทั้งกำลังทาบทามบริษัทชั้นนำด้านเครื่องดื่มรายหนึ่งมาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจคาดว่าจะชัดเจนภายในปีหน้า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,310 วันที่ 2 - 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

e-book-1-503x62