นายกฯลงพท.น้ำท่วมให้กำลังใจชาวบ้านย้ำเร่งช่วยเหลือเต็มที่ไม่ท้อทำจนสุดความสามารถ
นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมให้กำลังใจชาวบ้าน ย้ำรัฐบาลเร่งช่วยเหลือเต็มที่ ยืนยันไม่ท้อจะทำสุดความสามารถ
วันนี้ (30 ตุลาคม 2560) เวลา 14.20 น. ณ โรงเรียนวิเศษไชยชาญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะซึ่งประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่พบปะให้กำลังผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีนายวีร์รวุทธ์ ปุตระเศรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองให้การต้อนรับและรายงานสรุปสถานการณ์ในภาพรวมว่า ปัจจุบันปริมาณน้ำเริ่มทรงและลดลงเล็กน้อยประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน จะเข้าสู่ภาวะปกติ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวพบปะกับผู้ประสบภัยน้ำท่วมตอนหนึ่งว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใยแผนโดยขอให้มีการจัดทำแผนหลักแผนรองและแผนเผชิญเหตุรวมทั้งการฟื้นฟูเยียวยาให้กับราษฎรที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ ส่วนในด้านของความช่วยเหลือย้ำให้เน้นที่ประชาชนมากที่สุด เพราะประชาชนถือเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยขอให้มองที่ภาพรวมทั้งหมดของประเทศ และจะได้แก้ปัญหาแบบบูรณาการในภาพรวมร่วมกัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้ทราบถึงเหตุผลและความจำเป็น และใช้วิทยุชุมชนหรือเสียงตามสายทำความเข้าใจ ซึ่งบางครั้งจำเป็นต้องมีการระบายน้ำออกมาบ้างเป็นเวลา เพื่อไม่ให้เกิดการอั้นของน้ำแล้วทำให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา และต้องขอขอบคุณประชาชนที่เดือดร้อนเสียสละให้เป็นพื้นที่เก็บกักน้ำ ซึ่งจุดนี้รัฐบาล มีแผนที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาไว้เรียบร้อยแล้วซึ่งต้องขอขอบคุณ และขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดไปหาอาชีพเสริมในช่วงฤดูกาลน้ำท่วมให้กับประชาชนเพื่อมีรายได้ด้วย เช่นอาชีพของการประมง กำหนดเป็นโซนนิ่ง โดยประสานกับกระทรวงเกษตรฯ ทั้งนี้ อย่าลืมว่าความเดือดร้อนที่เกิดจากอุทกภัยครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 10 - 29 ตุลาคมที่ผ่านมาไม่ใช่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง มีพื้นที่ทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบถึง 23 จังหวัด 78 อำเภอมีประชาชนเดือดร้อนกว่า 120,000 ครัวเรือน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ปัญหาอุทกภัยในปีนี้ปริมาณน้ำถือว่าใกล้เคียงกับปี 2554 แต่การบริหารจัดการน้ำถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี ทำให้สถานการณ์ไม่รุนแรงเท่ากับปี 2554 ยืนยันว่ารัฐบาลได้ทำและแก้ปัญหาอย่างดีที่สุด รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนไม่ได้ทำฉาบฉวย
"เราต้องเร่งสร้างความเข้าใจ ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ส่วนเรื่องทางการเมืองหรือใครจะพูดอะไรก็ให้เขาว่ากันไป ผมยืนยันว่าจะแก้ปัญหาของประชาชนอย่างดีที่สุดทั้งระยะสั้นและระยะยาวซึ่งยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ไม่ต้องห่วง รัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ผมไม่ได้โทษอะไรเพียงแต่อยากจะบอกว่า ประเทศไทยมี 77 จังหวัดเราต้องแก้ปัญหาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจสังคมปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย
ยืนยันว่าผมจะดูแลทุกคนอย่างเต็มที่เต็มกำลังความสามารถโดยเฉพาะผู้เดือดร้อนจะต้องได้รับการแก้ไขและเยียวยา และไม่รู้ว่าจะมีการปล่อยข่าวตีกันไปทำไมแต่ผมไม่สนใจผมไม่ท้อยืนยันว่าผมทนได้ สักวันหนึ่งก็จะรู้เองว่าเราทำงานอะไรกันไปบ้าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ท่านได้มีรับสั่งไว้ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ก็ได้มาสานต่อ ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะทำทุกอย่างเต็มกำลังความสามารถ" นายกรัฐมนตรีกล่าว
จากนั้นเวลา 15.30 น.นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เดินทางไปยังเทศบาลบางจัก เพื่อเยี่ยมประชาชน โดยมีนายภราดร นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล อดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา และประชาชนประมาณ 500 คนมาต้อนรับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวเน้นย้ำว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใยราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน ทรงได้พระราชทานสิ่งของและความช่วยเหลือต่างๆลงมา ซึ่งรัฐบาลเองยืนยันว่าพร้อมดูแลประชาชนอย่างดีที่สุดใน 2 หลักคือความเท่าเทียมและความเป็นธรรม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ การเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้ำ ซึ่งรัฐบาลมีโครงการต่าง ๆ เพื่อบริหารจัดการน้ำ
ทั้งยังได้เดินทักทายประชาชน สอบถามชีวิตความเป็นอยู่และขอให้ทุกคน รับฟังข้อมูลจากรัฐ เพื่อที่จะได้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ พร้อมทั้งได้ชี้แจงการทำงานและนโยบายของรัฐบาล ควบคู่ด้วย ยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นงานสำคัญเร่งด่วน ที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการเป็นอันดับแรกหลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีสำคัญ และแม้ว่าจะทำให้ตนเหนื่อยแต่ก็จะอดทนทำเพื่อคนไทยทุกคนอย่างเต็มที่
ทั้งยังยืนยันด้วยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้มาหาเสียงเพราะไม่ใช่นักการเมือง แต่ก็ขอขอบคุณนักการเมืองที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่เกิดสถานการณ์อุทกภัย ควบคู่กับการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาล แม้ระหว่างนี้จะไม่ใช่ช่วงที่เปิดโอกาสให้นักการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้
ทั้งยังกล่าวด้วยว่า "วันนี้ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ทุกคนเท่ากันทั้งสิ้นเราต้องเป็นสร้างทำให้ประเทศเข้มแข็ง เพื่อที่จะสู้กับปัญหาต่างๆ วันนี้เราต้องไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันแล้วที่สำคัญเราจะต้อง มีภูมิคุ้มกันที่ดี "
นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไม่พูดโกหกกับใครเพราะพูดไม่ได้ วันนี้มาก็ไม่ได้มาหาเสียงไม่ได้มาทำให้คนรัก แต่ต้องการมาทำงานและมาแก้ไขปัญหา และจะพยายามทำให้ได้มากที่สุดเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไป แต่รัฐบาลนี้ยืนยันว่าจะทำได้กับคนทุกกลุ่มสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ไม่ให้ใครมาชักจูงจนทำให้เกิดความเสียหาย ตีกันไปมาสุดท้ายก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร รัฐบาลนี้เข้ามาด้วยวิธีพิเศษก็ต้องทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ด้วยวิธีพิเศษบางอย่าง โดยแบ่งเป็นภาคเป็นกลุ่มจังหวัดทำให้ทุกจังหวัดทุกอำเภอ มีความเจริญอย่างเท่าเทียม
จากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อไปยัง อบต .โผงเผง เพื่อเยี่ยมเยียนขอให้กำลังใจกับประชาชนที่ประสบปัญหา
วันนี้ (30 ตุลาคม 2560) เวลา 14.20 น. ณ โรงเรียนวิเศษไชยชาญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะซึ่งประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่พบปะให้กำลังผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีนายวีร์รวุทธ์ ปุตระเศรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองให้การต้อนรับและรายงานสรุปสถานการณ์ในภาพรวมว่า ปัจจุบันปริมาณน้ำเริ่มทรงและลดลงเล็กน้อยประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน จะเข้าสู่ภาวะปกติ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวพบปะกับผู้ประสบภัยน้ำท่วมตอนหนึ่งว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใยแผนโดยขอให้มีการจัดทำแผนหลักแผนรองและแผนเผชิญเหตุรวมทั้งการฟื้นฟูเยียวยาให้กับราษฎรที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ ส่วนในด้านของความช่วยเหลือย้ำให้เน้นที่ประชาชนมากที่สุด เพราะประชาชนถือเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยขอให้มองที่ภาพรวมทั้งหมดของประเทศ และจะได้แก้ปัญหาแบบบูรณาการในภาพรวมร่วมกัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้ทราบถึงเหตุผลและความจำเป็น และใช้วิทยุชุมชนหรือเสียงตามสายทำความเข้าใจ ซึ่งบางครั้งจำเป็นต้องมีการระบายน้ำออกมาบ้างเป็นเวลา เพื่อไม่ให้เกิดการอั้นของน้ำแล้วทำให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา และต้องขอขอบคุณประชาชนที่เดือดร้อนเสียสละให้เป็นพื้นที่เก็บกักน้ำ ซึ่งจุดนี้รัฐบาล มีแผนที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาไว้เรียบร้อยแล้วซึ่งต้องขอขอบคุณ และขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดไปหาอาชีพเสริมในช่วงฤดูกาลน้ำท่วมให้กับประชาชนเพื่อมีรายได้ด้วย เช่นอาชีพของการประมง กำหนดเป็นโซนนิ่ง โดยประสานกับกระทรวงเกษตรฯ ทั้งนี้ อย่าลืมว่าความเดือดร้อนที่เกิดจากอุทกภัยครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 10 - 29 ตุลาคมที่ผ่านมาไม่ใช่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง มีพื้นที่ทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบถึง 23 จังหวัด 78 อำเภอมีประชาชนเดือดร้อนกว่า 120,000 ครัวเรือน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ปัญหาอุทกภัยในปีนี้ปริมาณน้ำถือว่าใกล้เคียงกับปี 2554 แต่การบริหารจัดการน้ำถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี ทำให้สถานการณ์ไม่รุนแรงเท่ากับปี 2554 ยืนยันว่ารัฐบาลได้ทำและแก้ปัญหาอย่างดีที่สุด รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนไม่ได้ทำฉาบฉวย
"เราต้องเร่งสร้างความเข้าใจ ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ส่วนเรื่องทางการเมืองหรือใครจะพูดอะไรก็ให้เขาว่ากันไป ผมยืนยันว่าจะแก้ปัญหาของประชาชนอย่างดีที่สุดทั้งระยะสั้นและระยะยาวซึ่งยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ไม่ต้องห่วง รัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ผมไม่ได้โทษอะไรเพียงแต่อยากจะบอกว่า ประเทศไทยมี 77 จังหวัดเราต้องแก้ปัญหาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจสังคมปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย
ยืนยันว่าผมจะดูแลทุกคนอย่างเต็มที่เต็มกำลังความสามารถโดยเฉพาะผู้เดือดร้อนจะต้องได้รับการแก้ไขและเยียวยา และไม่รู้ว่าจะมีการปล่อยข่าวตีกันไปทำไมแต่ผมไม่สนใจผมไม่ท้อยืนยันว่าผมทนได้ สักวันหนึ่งก็จะรู้เองว่าเราทำงานอะไรกันไปบ้าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ท่านได้มีรับสั่งไว้ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ก็ได้มาสานต่อ ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะทำทุกอย่างเต็มกำลังความสามารถ" นายกรัฐมนตรีกล่าว
จากนั้นเวลา 15.30 น.นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เดินทางไปยังเทศบาลบางจัก เพื่อเยี่ยมประชาชน โดยมีนายภราดร นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล อดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา และประชาชนประมาณ 500 คนมาต้อนรับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวเน้นย้ำว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใยราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน ทรงได้พระราชทานสิ่งของและความช่วยเหลือต่างๆลงมา ซึ่งรัฐบาลเองยืนยันว่าพร้อมดูแลประชาชนอย่างดีที่สุดใน 2 หลักคือความเท่าเทียมและความเป็นธรรม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ การเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้ำ ซึ่งรัฐบาลมีโครงการต่าง ๆ เพื่อบริหารจัดการน้ำ
ทั้งยังได้เดินทักทายประชาชน สอบถามชีวิตความเป็นอยู่และขอให้ทุกคน รับฟังข้อมูลจากรัฐ เพื่อที่จะได้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ พร้อมทั้งได้ชี้แจงการทำงานและนโยบายของรัฐบาล ควบคู่ด้วย ยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นงานสำคัญเร่งด่วน ที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการเป็นอันดับแรกหลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีสำคัญ และแม้ว่าจะทำให้ตนเหนื่อยแต่ก็จะอดทนทำเพื่อคนไทยทุกคนอย่างเต็มที่
ทั้งยังยืนยันด้วยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้มาหาเสียงเพราะไม่ใช่นักการเมือง แต่ก็ขอขอบคุณนักการเมืองที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่เกิดสถานการณ์อุทกภัย ควบคู่กับการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาล แม้ระหว่างนี้จะไม่ใช่ช่วงที่เปิดโอกาสให้นักการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้
ทั้งยังกล่าวด้วยว่า "วันนี้ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ทุกคนเท่ากันทั้งสิ้นเราต้องเป็นสร้างทำให้ประเทศเข้มแข็ง เพื่อที่จะสู้กับปัญหาต่างๆ วันนี้เราต้องไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันแล้วที่สำคัญเราจะต้อง มีภูมิคุ้มกันที่ดี "
นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไม่พูดโกหกกับใครเพราะพูดไม่ได้ วันนี้มาก็ไม่ได้มาหาเสียงไม่ได้มาทำให้คนรัก แต่ต้องการมาทำงานและมาแก้ไขปัญหา และจะพยายามทำให้ได้มากที่สุดเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไป แต่รัฐบาลนี้ยืนยันว่าจะทำได้กับคนทุกกลุ่มสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ไม่ให้ใครมาชักจูงจนทำให้เกิดความเสียหาย ตีกันไปมาสุดท้ายก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร รัฐบาลนี้เข้ามาด้วยวิธีพิเศษก็ต้องทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ด้วยวิธีพิเศษบางอย่าง โดยแบ่งเป็นภาคเป็นกลุ่มจังหวัดทำให้ทุกจังหวัดทุกอำเภอ มีความเจริญอย่างเท่าเทียม
จากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อไปยัง อบต .โผงเผง เพื่อเยี่ยมเยียนขอให้กำลังใจกับประชาชนที่ประสบปัญหา
