THMUI โรดโชว์อวดพื้นฐานธุรกิจลวดสลิงแกร่ง เทรด mai ปีนี้

30 ต.ค. 2560 | 10:35 น.
“ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น” ควง บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ที่ปรึกษาทางการเงิน โรดโชว์กรุงเทพ อวดแนวโน้มการเติบโตธุรกิจลวดสลิง มีความต้องการสูงใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เงินที่ได้จากการระดมทุนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซื้อเครื่องทดสอบแรงดึง และโครงการก่อสร้างโกดังสินค้า หวังเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ตอบสนองความต้องการสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น โดยเสนอขายไอพีโอ 97 ล้านหุ้น คาดเข้าเทรด mai ภายในปีนี้

[caption id="attachment_225230" align="aligncenter" width="315"] นายทชากร ลีลาประชากุล นายทชากร ลีลาประชากุล[/caption]

นายทชากร ลีลาประชากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ THMUI กล่าวว่า บริษัทฯ จัดงานโรดโชว์พบนักลงทุน นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 97,070,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 28.55 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ เพื่อเดินหน้าตามแผนการเสนอขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายในปี 2560 นี้ ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุนในธุรกิจ และแผนการเติบโตในอนาคต โดยมีวัตถุประสงค์นำเงินที่ได้จากการระดมทุน ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซื้อเครื่องทดสอบแรงดึงเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์ยกหิ้วขนาดใหญ่ และโครงการก่อสร้างโกดังสินค้า ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่เดียวกับโกดังสินค้าสำโรง จ.สมุทรปราการ โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2561 คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถใช้งานได้ภายในปี 2562

ทั้งนี้ THMUI เป็นผู้นำในธุรกิจลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วคุณภาพสูง โดยจัดจำหน่ายลวดสลิง สลิงผ้าใบ โซ่ และอุปกรณ์ยกหิ้ว ซึ่งบริษัทฯ เป็นตัวแทนการจัดจำหน่ายลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วที่ผลิตโดยผู้ผลิตลวดสลิงชั้นนำจากหลากหลายประเทศ อาทิ ไบรดอน (Bridon), คิสไวร์ (Kiswire), อูช่า (Usha) และครอสบี้ (Crosby) เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีบริการทดสอบแรงดึง บริการเปลี่ยนลวดสลิง และอัดปลอกลวดสลิงในแบบที่ลูกค้าต้องการ เพื่อให้พร้อมสำหรับใช้งานได้ทันที โดยมีบริษัทย่อย บริษัท โปรพอยท์ โกลบอล คอนซัลแทนต์ จำกัด (THMUI ถือหุ้นร้อยละ 99.99) ให้บริการตรวจสอบเครนและลวดสลิง เนื่องจากตามประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กำหนดให้ต้องมีการตรวจสอบทุก 3 เดือน ถึง 1 ปี ตามลักษณะการใช้งานของเครน เป็นโอกาสให้บริษัทฯ ได้รับงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง บริการติดตั้ง แนะนำการใช้งาน ซ่อมแซม และอบรม เพื่อเสริมความครบวงจรให้แก่ลูกค้าของบริษัทฯ มากยิ่งขึ้นด้วย

สำหรับกลุ่มลูกค้าบริษัทฯ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.6 ของยอดขายในงวดครึ่งปีแรกนี้, กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.2, กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.5, กลุ่มท่าเรือ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.6 นอกจากนี้ เป็นกลุ่มโรงไฟฟ้า และอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายและเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และคลังสินค้าหลักที่สำโรงและปิ่นทอง นอกจากนี้ ยังมีสำนักงานขายปลีกและคลังสำรองที่สัตหีบ รองรับความต้องการของลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และบริษัทขนส่งท่าเรือในจังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียงในภาคตะวันออกของประเทศไทย หลังจากเข้ามาระดมทุน จะสนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถนำเสนอสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มเดิมได้เพิ่มขึ้น และขยายไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า THMUI เป็นผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วรายใหญ่ โดยเน้นจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพสูงจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก มีการให้บริการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจร ได้รับความเชื่อถือ และเชื่อมั่นจากลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ กลุ่มไทยมุ้ยมีประสบการณ์ในธุรกิจอันยาวนาน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าและพันธมิตร เป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับการตอบรับ และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงและลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงได้อย่างต่อเนื่อง การเข้ามาระดมทุนครั้งนี้ จะทำให้ธุรกิจมีเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น สามารถเพิ่มสินค้าและทีมบริการเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ ศักยภาพการเติบโตจากนโยบายการลงทุนทั้งภาครัฐบาลและเอกชน จากฐานลูกค้าที่กระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่ลงทุนตามแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ช่วยเพิ่มอุปสงค์ของลวดสลิงสำหรับ Overhead Crane เพื่อยกหิ้ววัสดุ รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเคมี ที่ได้ปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น ซึ่งการขุดเจาะดังกล่าวต้องอาศัยลวดสลิงคุณภาพสูง สำหรับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่างานก่อสร้างรวมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งภาครัฐบาลและเอกชน สอดรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และกลุ่มธุรกิจให้บริการท่าเรือ ที่มีการปรับปรุงและพัฒนา สร้างอาคารสินค้าเพื่อการส่งออก ดังนั้น มองว่าการขยายกำลังการผลิตและการขยายตัวของอุตสาหกรรมเหล่านี้ ล้วนมีความต้องการใช้ลวดสลิง อุปกรณ์ยกหิ้ว และผลิตที่ภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นโอกาสสำคัญของ THMUI ที่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบวงจรไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย อีกทั้ง สินค้าของ THMUI เป็นสินค้าที่ใช้แล้วเสื่อมสภาพ ลูกค้าต้องมีการเปลี่ยนใหม่อยู่เสมอ จึงมองว่า แผนการระดมทุนครั้งนี้ จะเพิ่มความสามารถในการขยายตลาด และโครงการอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ THMUI เป็นอีกบริษัทจดทะเบียนที่จะเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมไทยและเศรษฐกิจของประเทศ อย่างมั่นคงและยั่งยืน

สำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2560 มีรายได้จากการขายและบริการ 182.84 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 157.31 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 16.22 เนื่องจากสินค้าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และการปรับตัวขึ้นอย่างมากของระดับราคาน้ำมันดิบ ส่งผลให้ลูกค้าหลักในกลุ่มอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเคมีเริ่มฟื้นตัว รวมถึงการเติบโตของลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ของบริษัทฯ ส่วนกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นอยู่ที่ 72.44 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 39.62 สำหรับกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.37 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนหน้าที่ขาดทุน (1.40) ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 39.62 อัตรากำไรสุทธิร้อยละ 6.19

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย งวดปี 2557 – 2559 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 370.98 ล้านบาท 381.12 ล้านบาท และ 356.74 ล้านบาทตามลำดับ รายได้หลักมาจากการจัดจำหน่ายลวดสลิงและชุดประกอบกว่าร้อยละ 60 ของรายได้จากการขายและบริการ ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 179.01 ล้านบาท 160.17 ล้านบาท และ 146.17 ล้านบาทตามลำดับ กำไรสุทธิอยู่ที่ 7.79 ล้านบาท 16.30 ล้านบาท และ 18.92 ล้านบาท ตามลำดับ และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.08 ร้อยละ 4.25 ร้อยละ 5.29 เป็นผลจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลง สะท้อนการบริหารจัดการภายในได้เป็นอย่างดี