เปิดใจ “ชาคริต ดิเรกวัฒนาชัย” ผู้บริหารใหม่ถอดด้าม ในตำแหน่ง “หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร” คนแรกของช่อง 3 กับการดำเนินชีวิตภายใต้พระบรมราโชวาทของ “ในหลวง รัชกาลที่ 9”
‘ชาคริต ดิเรกวัฒนาชัย’ ถือเป็นผู้บริหารยุคใหม่ที่เติบโตบนโลกธุรกิจนี้ ในฐานะ ‘มืออาชีพ’ การก้าวเข้ารับตำแหน่ง ‘หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร’ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ ช่อง 3 สร้างความประหลาดใจให้กับใครหลายคน แต่เป็นความท้าทายของผู้ชายคนนี้ ที่ตลอดชีวิตการทำงานเกือบ 20 ปี ทุ่มเทอย่างหนัก
ชาคริต เล่าว่า หลักการดำเนินชีวิตในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมา
เขาเลือกเดินตามรอยพระบรมราโชวาท เพราะชื่นชอบและมักจะเลือกอ่านพระบรมราโชวาทที่ ในหลวง รัชกาลที่ 9 พระราชทานออกมาเสมอ ๆ โดยพระบรมราโชวาทที่เปลี่ยนชีวิตของเขา และถูกใช้ยึดเหนี่ยวในการดำเนินชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ คือ
“… ทุกครั้งที่ไหว้พระ ทุกคนจะชอบขอสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์ ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้
แต่สิ่งที่คนควรจะขอจากพระมี 3 อย่าง คือ ความกล้า สติ และปัญญา ความกล้าทำให้เรากล้าที่จะทำในสิ่งที่เปลี่ยนแปลง สติทำให้เราอยู่กับตัวเองและทำให้รู้ว่าทำอะไร และปัญญา คือ ความฉลาด ทำให้เราแก้ไขสถานการณ์ได้ ...”
[caption id="attachment_224394" align="aligncenter" width="263"]
ชาคริต ดิเรกวัฒนาชัย[/caption]
วันนี้ ความกล้า สติ และปัญญา จึงถูกนำมาใช้ในการทำงานและใช้ในชีวิตประจำวัน
ชาคริต บอกว่า ผมเชื่อว่า ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงฝนได้ ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของอีกคนหนึ่งได้ ผมไม่สามารถทำให้คนเชื่อในสิ่งที่ผมพูดได้ แต่ผมเชื่อว่า การที่ผมมีสติ มีปัญญา และมีความกล้า จะทำให้ผมสามารถแก้ไขปัญหาสถานการณ์ต่าง ๆ ได้
พระบรมราโชวาทของ ในหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นสิ่งที่ ชาคริต บอกว่า จับต้องและพัฒนาได้
หลายครั้งที่ ชาคริตเลือกนำพระราชดำรัสมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเรื่องของความเพียร ความมีวินัย ซึ่งคนรอบข้างจะรู้ว่า เขาชื่นชอบการออกกำลังกาย ทั้งการเล่นฟิตเนสและการวิ่ง ที่ต้องกระทำทุกวัน
“การวิ่งทุกวัน หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องตลก ส่วนหนึ่งเพราะความชอบส่วนตัว อีกส่วนหนึ่งเพราะความต้องการที่จะเอาชนะความขี้เกียจของตัวเอง และเป็นการฝึกให้ตัวเองมีวินัยการเอาชนะใจตัวเอง”
และเขาก็เอาชนะใจตัวเองได้สำเร็จ กับการออกสตาร์ตวิ่งเมื่อ 10 ปีก่อน และยังคงปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวันจนถึงทุกวันนี้
หลายครั้ง อะไรที่ผมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ จึงเลือกที่จะปรับทัศนคติตัวเอง และทำให้มีความสุข เพราะเชื่อว่าเมื่อเปลี่ยนใครไม่ได้ แต่เปลี่ยนตัวเองได้ พระราชดำรัสของในหลวง เป็นปรัชญาที่ผมนำมาใช้ แต่ผมรู้สึกทุกครั้งที่พระองค์ท่านให้พระบรมราโชวาทล้วนมีความหมาย และผมจะมีความสุขในการตีความหมายสิ่งที่พระองค์ท่านพยายามจะบอกเรา และเอามาปรับใช้ในชีวิตในเรื่องง่าย ๆ
ซึ่งไม่ใช่เฉพาะตัวเขาเองเท่านั้น การส่งต่อไปยัง ‘คนรอบข้าง’ ถือเป็นความภาคภูมิใจ
ชาคริต บอกว่า การส่งต่อของเขาเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว นั่นคือ ‘การปฏิบัติ’ ให้เห็น ซึ่งบางครั้งอาจจะดูสุดโต่ง บางครั้งก็อาจจะดูไม่มีอะไร แต่การทำซ้ำ ๆ กลับสร้างให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และทำให้คนรอบข้างทำตาม เพราะคิดว่าดีและมีความสุข
อีกหนึ่งวิธี ที่เขาเลือกจะถ่ายทอดเรื่องราวของ ‘พ่อ’ ให้กับคนรุ่นใหม่ คือ การสอดแทรกไปกับคำสอน ผ่านการเล่าประสบการณ์ที่เขามี ให้กับ ‘นักการตลาดรุ่นใหม่’ ที่เขาบรรยายให้ฟังมากว่า 20 ปี
“ผมสอนน้อง ๆ เสมอว่า การทำธุรกิจอย่าคิดถึงตัวเองเพียงอย่างเดียว ต้องคำนึงถึง 3 อย่าง คือ ธุรกิจตัวเอง, คนที่รายล้อม ทั้งพนักงาน ซัพพลายเออร์ ฯลฯ และคนอื่นที่อยู่ข้างนอก การเดินบนความพอเพียง คือ การอยู่กับครอบครัวและมีความสุข การไม่ทำอะไรที่สุดโต่ง ไม่เยอะเกินไปหรือน้อยเกินไป และที่สำคัญ คือ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,309 วันที่ 29 ต.ค. - 1 พ.ย. 2560 หน้า 36