4 CEO ผู้มี‘พ่อ’เป็นต้นแบบ

28 ต.ค. 2560 | 08:00 น.
เพื่อถวายความอาลัยและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 “ฐานเศรษฐกิจ” ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอเรื่องราวของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และน้อมนำพระราชดำรัส และพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อส่งต่อสิ่งดีๆให้กับคนรุ่นหลังได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้ ในการใช้ชีวิตประจำวัน

**ร่วมสานต่อ สิ่งที่ “พ่อ”ทำ
หนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมีโอกาสใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทร
มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร วันนี้ “จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี” กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ขอน้อมนำแนวพระราชดำริและพระราชดำรัสมาใช้ในการดำเนินงานและดำเนินชีวิต และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของ “พ่อ” ให้กับคนรุ่นใหม่ได้รับรู้และน้อมนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

“จุตินันท์” บอกว่า สิ่งที่ “พ่อ” เป็นต้นแบบที่เด่นชัดที่สุดคือ “ความมีเมตตา” พระองค์ทรงใช้ความเมตตาเป็นตัวนำ ทำให้ประ ชาชนกว่า 60 ล้านคนรักเทิดทูนพระองค์ ซึ่งพระองค์ไม่เคยบังคับหรือสั่งให้ใครทำ หรือให้ใครรัก แต่พระองค์ทรงปฏิบัติให้เห็น อธิบายให้ฟังเพื่อให้คนไทยได้พัฒนาตนเอง

“หากเป็นผู้นำประเทศอื่นอาจใช้การออกกฎหมายหรือเปลี่ยนกฎเกณฑ์กติกาเพื่อให้ประชาชนทำตาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ยั่งยืน แต่การทำให้เข้าใจ มีเหตุ มีผลในการกระทำจะเป็นสิ่งที่ยั่งยืนมากกว่า”

วันนี้ที่ “พ่อ” ไม่อยู่ ทุกคนที่มีหน้าที่ที่จะต้องสานต่อในสิ่งที่พระองค์ท่านดำริไว้ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนา การบริหารจัดการนํ้าทรัพยากร ธรรมชาติ ฯลฯ สิ่งที่ท่านทำ ท่านรู้จริง ท่านศึกษาจริง ท่านต้องการให้เราไปคิดเอง เพราะฉะนั้นคน 2 คนอาจจะคิดไม่เหมือนกัน แต่ถ้าสามารถเข้าใจในแก่นแล้วก็จะสามารถเอาไปปฏิบัติและส่งต่อยังคนรุ่นหลังได้

“ผู้ที่เคยสัมผัสพระองค์ท่านจะรู้ว่า “การเป็นตัวอย่าง” ที่ดี คืออะไร ทุกๆ ปัญหาท่านเลือกที่จะแก้ไขที่จุดๆ นั้น โดยมีเป้าหมายเดียวคือ ประชาชนต้องอยู่ดี กินดี”

ท่านมีความสุขในการช่วยเหลือราษฎร แม้จะต้องทรงงานหนัก แสดงให้เราเห็นว่าการทำงานก็ต้องมีความสุข ปัญหามีไว้เพื่อแก้ เมื่อเห็นปลายทางความสำเร็จ ไม่ใช่จบแค่ความสำเร็จ แต่โครงการนี้จะนำพาสิ่งดีๆ หรือความสุขให้กับคนหมู่มากได้อย่างไร

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกสิ่งที่ท่านทำเหมือน “พ่อสอนลูก” วันนี้เรายึดแนวทางการปฏิบัติของพ่อมาใช้ในชีวิตประจำวัน ลงมือทำและพัฒนาตัวเองให้ทีมงานได้เห็น เป็นต้นแบบที่ดีให้คนรุ่นต่อไป และบอกเขาว่า ต้นแบบที่ทำให้เรามีวันนี้คือ ในหลวงรัชกาลที่ 9”
MP36-3308-A
**ธุรกิจต้องมี “ธรรมาภิบาล”
นายดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นเหมือนแม่แบบในการดำเนินชีวิต ด้วยพระจริยวัตรที่พระองค์ทรงงานมาตลอดระยะเวลา 70 ปี โดยไม่เหน็ดเหนื่อย พระองค์ไม่เคยตรัสว่าเหนื่อยหรือท้อ ขณะที่งานของพระองค์ท่านเป็นงานที่ใหญ่ ดูแลความสุขของประชาชนทั้งประเทศ ทำให้พระองค์ท่านเป็น “แม่แบบ” เมื่อไรที่เราเหนื่อย ก็มองและน้อมนำพระจริยวัตรของพระองค์ท่านมาเป็นแม่แบบ รวมถึงเรื่องความกตัญญูต่อบุพการี หรือ แนวความคิดของพระองค์ท่าน ที่สามารถนำมาใช้กับตัวเองได้

สำหรับพระราชดำรัสที่ประทับใจ คือ “...การทำงานใดๆ ก็ตาม ต้องอาศัยการทุ่มเททั้งกายและใจ ตั้งสติ ทำอย่างจริงจัง เป็นหลักคำสอนที่ผมยึดมาปฏิบัติ...”

การที่พระองค์ท่านทรงดูแลประชาชนด้วยหลักธรรมาภิบาล คำว่า “ธรรมาภิบาล” เป็นคำที่ลึกซึ้งมาก เพราะมีคำว่า “ธรรมะ” กับ “อภิบาล” เหมือนเราทำงาน แน่นอนผลกำไรเป็นเรื่องสำคัญขององค์กร แต่การจะได้มาซึ่งผลกำไรต้องอยู่บนหลักของธรรมาภิบาล การทำกิจการใดหรือธุรกิจใดก็ตาม เราต้องไม่เอาเปรียบ อยู่บนธรรมาภิบาล ในเชิงพาณิชย์มีเส้นเล็กๆ เส้นหนึ่ง ที่จะบอกว่า หากทำแบบนี้จะเลยความเป็นธรรม เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค เช่น บางอย่างที่คิดแล้วว่า น่าจะบอกผู้บริโภค แต่หากเราไม่บอกจะเป็นการหลอกลวงเขา แน่นอนเราทำธุรกิจ กำไรเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด การบริหารองค์กร พนักงาน ความเป็นธรรมเป็นเรื่องสำคัญ การดูแลลูกค้า ผู้บริโภคด้วยความเป็นธรรม เป็นสิ่งที่น้อมนำมาอยู่ในใจตลอดเวลา

“สิ่งต่างๆ ดังกล่าวที่ยึดปฏิบัติ เป็นสิ่งที่ทำให้เรายืนหยัดบนโลกธุรกิจมากว่า 30 ปี หากยึดหลักธรรมาภิบาล เหมือนกับการให้สิ่งดีๆ กับผู้บริโภค ผู้บริโภคก็กลับมาหาเราอยู่ตลอดเวลา เรามีความเป็นธรรมต่อการบริหารงาน พนักงาน ก็เปรียบเหมือนคนในครอบครัว ก็อยู่กับเราอย่างยาวนาน เรามีพนักงานกว่า 30% ทำงานเกิน 20 ปี พนักงาน 20% ทำงานเกิน 10 ปี การทำงานด้วยความเป็นธรรมด้วยจริยธรรมต่างๆ ก็ทำให้ครอบครัวเราแน่นแฟ้น เหมือนกับประเทศ ที่มีผู้นำที่มีจริยธรรมและมีธรรมาภิบาล ก็จะทำให้ประชาชนรักและศรัทธา ทำให้เกิดความสุข เกิดความสันติ ไม่มีความขัดแย้ง ความแตกแยก”

เพื่อเป็นการส่งต่อแนวพระราชดำรัสให้กับคนรุ่นใหม่นั้น “ดนัย” บอกว่า การปฏิบัติและสานต่ออย่างต่อเนื่อง จะสะท้อนถึงการถ่ายทอดหลักคิดถึงคนรุ่นใหม่ นอกจากการ ปฏิบัติแล้ว ต้องสื่อสารด้วย การที่พระองค์ท่านมอบสิ่งดีๆ ให้กับประชาชน พระองค์ท่านมอบสัมมาอาชีพให้ประชาชนมีความรู้ เป็นทรัพย์สมบัติที่ติดตัวไปตลอด ผ่านโครงการต่างๆ นับหลายพันโครงการ ที่ท่านได้มอบอาชีพให้กับประชาชน เพราะการมีอาชีพเหมือนมีสมบัติติดตัวไปตลอด

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01 **ส่งต่อแนวคิดถึงคนรุ่นใหม่
อีกหนึ่ง CEO หญิงเก่งที่ตลอดชีวิตของเธอเทิดทูนในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นที่สุด โดยนางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟ เวอเรจ จำกัด (มหาชน) และกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บอกว่า พระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทุกๆคำสอนสร้างความประทับใจอย่างมากและล้วนเป็นคำสอนในเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันในทุกโอกาสและทุกสถานการณ์ โดยคำสอนของท่านที่ประทับใจที่สุดคือ

“…จิตใจและความประพฤติที่สะอาดและมีระเบียบ เป็นรากฐานสำคัญของชีวิต...”

ด้วยเพราะเชื่อว่าการมีจิตใจและความประพฤติที่สะอาดและมีระเบียบนั้นเป็นรากฐานสำคัญ เริ่มต้นจากครอบครัวไปสู่สังคม ยังสะท้อนถึงส่วนของการทำงานนั้นด้วย โดยมองว่าถ้าจะรับใครสักคนเข้าร่วมงานด้วย ก็จะมองถึงพื้นฐานความคิดและการกระทำของคนนั้นๆ เป็นส่วนประกอบสำคัญในการตัดสินใจ

ท้ายที่สุดคำสอนของพระองค์ในทุกคำสอนจะไร้ผลหากประชาชนไม่เข้าใจและปล่อยให้สูญหายไปตามกาลเวลา ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดจะทำอย่างไรให้คนรุ่นหลังได้นำข้อคิดเจตนารมณ์ที่ดีของพระองค์ไปใช้ในการดำเนิน
ชีวิต หล่อหลอมสังคม เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบร่มเย็นให้มากที่สุด เพื่อแก้ไขสังคมยุคใหม่ของเมืองไทยเป็นสังคมที่ต่างคนต่างอยู่ อยู่กับตัวเองมากเกินไป จึงมองว่าอยากส่งต่อแนวคิดของพระองค์ที่กล่าวมาทั้งหมดให้คนรุ่นใหม่ได้ตระหนักและนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจากปลูกฝังให้คนใกล้ตัว อย่างลูกๆ ในครอบครัวก่อน เพราะไม่ว่าคำสอนใดๆ ของพระองค์ท่าน ล้วนแต่สามารถนำมาปรับใช้ได้กับทุกคน ทุกยุค ทุกสมัย

**ไม่หยุดที่จะเรียนรู้
ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงการทรงงานหนักของในหลวงรัชกาลที่ 9 และยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติมาตลอดคือ นายสุเทพ ปัญญาสาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์และไลฟ์สไตล์มอลล์ “พอร์โต้ ชิโน่” กล่าวว่า แนวคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ประทับใจและนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตคือ “การเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา” เพราะพระองค์ท่านทรงปฏิบัติเรื่องของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้เห็นผ่านโครงการหลวงและพระราชกรณียกิจต่างๆโดยมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้หยุด ตั้งแต่ต้นนํ้าไปจนถึงปลายนํ้า ยกตัวอย่างเรื่องของเขื่อนต่างๆ โครงการแก้มลิง โครงการฝนเทียม ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการในพระราชดำริต้นนํ้าที่ทรงคิดค้นมาเพื่อประชาชน ที่มีการทดลองหลายรอบ ก่อนที่จะเห็นผลอย่างแท้จริง....นั่นก็คือความเพียรและการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาที่พระองค์ทรงเป็นต้นแบบที่ดีในการดำเนินชีวิต โดยแสดงให้ประชาชนได้เห็นผ่านการกระทำ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการ “เข้าใจและเข้าถึง” ซึ่งพระองค์ท่านมักพูดถึงคือ เรื่องของการเข้าใจ เข้าถึงและการพัฒนา นั่นคือคอนเซ็ปต์ที่นำมาใช้ในการบริหารโครงการ โดยแยกเป็นการเข้าใจ คือมีความเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร การเข้าถึงคือสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึงผ่านความเข้าใจที่มี และสุดท้ายต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ในแง่ของธุรกิจต้องมีการเติบโตอยู่แล้ว ซึ่งคำว่า “พอเพียง” คือต้องไม่เดือดร้อนตัวเองไม่มีผลกระทบ ซึ่งการเติบโตในมุมของธุรกิจก็มาจากการเรียนรู้และพัฒนา เรามีจำนวนคน เรามีขีดความ สามารถที่เกิดจากการเรียนรู้ขยายงานและจ้างงาน จนเกิดเป็นความ “พอเพียง” ให้บริษัทหรือองค์กรสามารถโตขึ้นได้

ด้านชีวิตส่วนตัวได้มีการนำหลักคำสอนมาใช้ในการดำเนินชีวิตนั้น ที่ต้องไม่ใช้จ่ายเกินตัว กล่าวคือ “เราหาได้เท่าไหร่เราไม่ใช้จ่ายเกินตัว นั่นคือสิ่งที่ระลึกในการใช้ชีวิตอยู่เสมอ” และยังเป็นคำสอนที่นำไปสอนลูกเช่นกัน เพราะมองว่าลูกเกิดมาในครอบครัวที่มีพร้อมทั้งบ้าน รถ ธุรกิจ ไม่เดือดร้อนในการใช้ชีวิต แต่ว่ายังจำเป็นต้องสอนเขาว่าสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้เกิดจากอะไร มาได้อย่างไร ไม่ใช่อยู่ๆ เกิดขึ้นมาได้เอง ถ้าเขาอยากมีแบบนี้ อยากทำให้ได้ก็ต้องรู้จักเรียนรู้และพัฒนานั่นคือสิ่งที่เชื่อมกันอยู่ตลอดทั้งการใช้ชีวิตส่วนตัวและการทำงาน แม้กระทั่งบทความดีๆ ที่มีคนแชร์ในโซเชียล ต่างๆ เกี่ยวกับคำสอนของพระองค์ก็จะเก็บไว้ในมือถือ เพื่อเตือนตัวเองอยู่เสมอ หรือแม้กระทั่งเรื่องของความอดทนต่ออุปสรรคที่จะก้าวข้ามไปให้ได้ ไม่ย่อท้อ คือแนวคำสอนของพระองค์ทั้งหมดที่นำมาใช้ในชีวิตจริงและการทำงาน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและนำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาน้อมนำในการทำงานและใช้ชีวิต เพื่อเป็นหลักและส่งต่อไปยังคนรุ่นใหม่ต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,308 วันที่ 26 - 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560
e-book-1-503x62