บนเส้นทาง ... แห่งพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

27 ต.ค. 2560 | 05:04 น.
1159

บนเส้นทางถนนราชดำเนิน หลังเสร็จงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล รัชกาลที่ 8” ... “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9” เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนรถยนต์พระที่นั่ง เพื่อเสด็จกลับไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ท่ามกลางพสกนิกรมาเข้าเฝ้าฯ ส่งเสด็จฯ ตลอดเส้นทางถนนราชดำเนิน มีราษฎรคนหนึ่งเปล่งเสียงร้องตะโกนว่า “ในหลวง อย่าทอดทิ้งประชาชน”

ความทรงจำที่ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9” ทรงได้ยินดังกล่าวในวันนั้น เป็นแรงบันดาลพระราชหฤทัย ที่จะเสด็จพระราชดำเนินกลับมา ทรงตระหนักเสมอว่า “หากราษฎรไม่ทิ้งข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ทอดทิ้งประชาชน”


MP32-3308-2A

วันที่ 5 พ.ค. 2493 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” คำมั่นสัญญาดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 ได้ทรงยึดถือเป็นแนวปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งปวง เพื่อความสุขอันแท้จริงของอาณาประชาราษฎร์

บนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ‘สายบ้านห้วยมงคล’ จากพระตำหนักวังไกลกังวล คือ จุดเริ่มต้นของแรงบันดาลพระราชหฤทัยของ “ในหลวง รัชกาลที่ 9” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริโครงการแรกได้เกิดขึ้นที่นี่

การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่บ้านห้วยมงคล จ.ประจวบคีรีขันธ์ คราวนั้น ระหว่างการเดินทางได้เกิดเหตุการณ์ขบวนรถยนต์พระที่นั่งตกหล่ม ซึ่งชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ทหาร ต่าง ๆ ได้เข้ามาช่วยให้ขบวนรถยนต์พ้นจากหล่มที่ติดอยู่

 

[caption id="attachment_223145" align="aligncenter" width="503"] Jeep Delehaye 1963 เสด็จพระราชดำเนินไปบ้านห้วยมงคล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเยี่ยมราษฎร อันเป็นจุดกำเนิดและเป็น แรงบันดาลใจในการริเริ่มโครงการในพระราชดำริต่างๆต่อมาถึง 4,000 โครงการ Jeep Delehaye 1963 เสด็จพระราชดำเนินไปบ้านห้วยมงคล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเยี่ยมราษฎร อันเป็จุดกำเนิดและเป็นแรงบันดาลใจในการริเริ่มโครงการในพระราชดำริต่างๆต่อมาถึง 4,000 โครงการ[/caption]

ภาพที่ได้เห็นกันในวันนั้น คือ รถ Jeep Delehaye 1963 ที่อยู่ในขบวนเสด็จพระราชดำเนินไปยังบ้านห้วยมงคลนั้น เกิดตกหล่ม และได้มีชาวบ้านออกมาช่วยกันเข็น ช่วยกันลาก เมื่อรถพระที่นั่งสามารถพ้นหล่มโคลนแล้ว ทำให้ “ในหลวง รัชกาลที่ 9” ได้มีโอกาสได้ทรงตรัสสอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านห้วยมงคล ซึ่งห่างจากตัวเมืองหัวหินเพียง 20 กิโลเมตร เท่านั้น แต่วิถีชีวิตยังลำบากยากเข็ญหลายอย่าง ถนนที่จะได้เดินทางนำสินค้าทางการเกษตรไปขายที่ตลาดหัวหินไม่สะดวก เป็นดินโคลน ไม่ได้ลาดยาง การคมนาคมสัญจรลำบาก โดยเฉพาะหน้าฝน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเจ้าหน้าที่มาทำถนน ช่วยเดินทางมายังหัวหินได้เร็วขึ้น สามารถนำสินค้าไปขายได้ มีชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น

นอกจากนั้น ได้ดำเนินการตามแนวพระราชดำริหลายด้าน และ “ในหลวง รัชกาลที่ 9” ได้เสด็จฯ กลับมาที่บ้านห้วยมงคลอีกหลายครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้าของแนวพระราชดำริต่าง ๆ เหล่านั้น ที่บ้านห้วยมงคล

จากจุดเริ่มต้นที่ ‘บ้านห้วยมงคล’ นี้ ทำให้ก่อเกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริตามมาในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศมากกว่า 4,000 โครงการ ซึ่งโครงการทั้งหมดนั้น ได้ทำให้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น และทุกแห่งหนที่ “ในหลวง รัชกาลที่ 9” ได้เสด็จพระราชดำเนินไป จะได้รับการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘การตัดถนน-สร้างความเจริญ’ ที่ทำให้ประชาชนนำยานพาหนะเพื่อสัญจรไปมา และยังทำให้เกิดธุรกิจที่เกี่ยวกับรถยนต์มากมาย ทำให้มีการค้าขาย มีรายได้ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างมั่นคง ... ถือได้ว่า ‘บ้านห้วยมงคล’ คือ ต้นแบบของโครงการพระราชดำริในการพัฒนาวิถีชีวิต บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้แก่พสกนิกรของพระองค์โดยแท้

 

[caption id="attachment_223151" align="aligncenter" width="503"] Jeep Grand Wagoneer ปี 2535 รถยนต์พระที่นั่งที่ในหลวงได้ทรงขับลุยน้ำด้วย พระองค์เอง เสด็จพระราชดำเนินไปยัง ลำพะยัง บ้านกุดตอแก่น อำเภอเขาวง จังหวัด กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2535 เพื่อทรงวางแผนสร้างอ่างเก็บน้ำ Jeep Grand Wagoneer ปี 2535 รถยนต์พระที่นั่งที่ในหลวงได้ทรงขับลุยน้ำด้วยพระองค์เอง เสด็จพระราชดำเนินไปยัง ลำพะยัง บ้านกุดตอแก่น อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2535 เพื่อทรงวางแผนสร้างอ่างเก็บน้ำ[/caption]

นายบุญพีร์ พันธ์วร ที่ปรึกษาพิเศษ กลุ่มบริษัทสยามกลการฯ ได้บอกเล่าว่า ถนนทุกสายที่เกิดขึ้นตามแนวพระราชดำริของ “ในหลวง รัชกาลที่ 9” ได้นำพาความเจริญไปสู่ทุกตารางนิ้วอย่างวิเศษสุด ในอดีต “ในหลวง รัชกาลที่ 9” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินไปในพื้นที่ที่ทุรกันดาร หรือแม้แต่ในพื้นที่ซึ่งมีปัญหาการสู้รบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ในสมรภูมิภาคเหนือรอยต่อภาคอีสาน จากพื้นที่ที่ไม่เคยมีถนนพาดผ่าน หรือบางพื้นที่ไม่เคยมีถนนลาดยาง พระองค์ท่านก็ทรงรับสั่งให้สร้างถนนขึ้นหลายสาย เพื่อเป็นถนนด้านความมั่นคง เพื่อพัฒนาสภาพชีวิตความเป็นอยู่ในท้องถิ่นทุรกันดารให้เชื่อมต่อกันเป็นโครงข่ายทุกภูมิภาค หรือแม้แต่ในที่ที่เจริญ อย่าง ‘กรุงเทพมหานคร’ ที่ประสบกับการจราจรที่ติดขัด พระองค์ท่านก็ทรงมีพระราชดำริ เช่น โครงการทางคู่ขนานลอยฟ้าถนนบรมราชชนนี, สะพานวงแหวนต่าง ๆ รอบเมืองหลวง เช่น ถนนรัชดาภิเษก ถนนกาญจนาภิเษก เพื่อเชื่อมโยงอุตสาหกรรมใหญ่ที่กำลังเจริญเติบโตขึ้น หรือมีพระราชดำริสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อช่วยในเรื่องการคมนาคมขนส่ง และแก้ไข ป้องกัน ปัญหาการจราจรติดขัดในระยะยาว รวมไปถึงตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ซึ่งทุกโครงการที่เกิดขึ้นจากแนวพระราชดำริของ “ในหลวง รัชกาลที่ 9” ล้วนมาจากความเป็นห่วงเรื่องการเดินทางของประชาชน

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานในวาระต่าง ๆ ในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ การคมนาคม ไม่ว่าจะเป็น ถนนหนทาง ทั้งการแก้ปัญหาการจราจร การป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมการพัฒนาด้านการคมนาคมขนส่ง นับตั้งแต่ต้นรัชกาลจนมาถึง 70 ปี ตั้งแต่เมืองไทยยังเป็นแผ่นดินดอย เป็นป่ารก ทุรกันดารอย่างแสนสาหัส ไม่มีถนนลาดยางอันทันสมัย อย่างเช่น ในปัจจุบัน ตลอดรัชสมัยของ “ในหลวง รัชกาลที่ 9” คือ พื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญสูงสุดต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว พระองค์ได้พระราชทานของขวัญอันล้ำค่าต่ออุตสาหกรรมไทยในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้ประเทศไทยมุ่งไปสู่ความอยู่ดีกินดี แต่มีความทันสมัยแบบเพียงพอและพอเพียง


1202

บนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินหลายแสนกิโลเมตร มีคนเคยคำนวณเล่น ๆ ตามข้อมูลที่เป็นจริงว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร” ได้เสด็จพระราชดำเนินเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่อาณาประชาราษฎร์ในประเทศตามท้องถิ่นต่าง ๆ รวมถึงการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ เพื่อเจริญพระราชไมตรีกับประเทศต่าง ๆ นั้น รวมระยะตลอดรัชสมัยมากกว่า 4 แสนกิโลเมตร หากระยะทางระหว่างดวงจันทร์วัดจากแกนโลกเป็นระยะทาง 363,000 กิโลเมตร ตัวเลขการเสด็จพระราชดำเนินที่ผลออกมาไกลกว่าระยะทางจากโลกถึงดวงจันทร์ ไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในโลกนี้ที่จะมุ่งมั่นเพียรพยายาม เพื่อความสุขของพสกนิกรที่ทรงเปล่งพระบรมราชโองการว่า

“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

ตลอดรัชสมัยเป็นเวลา 70 ปี ที่ทรงครองสิริราชสมบัติ ทรงครองหัวใจคนไทยทั้งมวลในเวลาเดียวกันด้วย ตอกย้ำคำพูดของราษฎรคนหนึ่งที่เข้าเฝ้าฯ ส่งเสด็จฯ คราวนั้น เมื่อต้นรัชกาลบนถนนราชดำเนินตะโกนเปล่งวาจาให้ “พระองค์อย่าทอดทิ้งประชาชน” ในหลวง รัชกาลที่ 9 ได้ทรงทำตามคำมั่นสัญญา โดยสมบูรณ์ทุกประการ


1204

บนเส้นทางแห่งรัชสมัยแผ่นดินของ “ในหลวง รัชกาลที่ 9” เต็มเปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ จะเกิดกี่ร้อยกี่พันปี ก็ไม่อาจจะพบเจอ หากชาติหน้ามีจริง “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป”

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,308 วันที่ 26-28 ต.ค. 2560

e-book-1-503x62