พาณิชย์ยังมั่นใจส่งออกทั้งปีโต 8% จากการอัดกิจกรรมส่งท้ายในช่วงที่เหลือของปีนี้
พาณิชย์ยังมั่นใจส่งออกทั้งปีโต8% จากการอัดกิจกรรมส่งท้ายในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ ส่วนปีหน้าเน้นคาดว่าส่งออกยังมีแนวโน้มดีขึ้น
[caption id="attachment_222895" align="aligncenter" width="503"]
นางจันทิรา ยิมเรวัต[/caption]
นางจันทิรา ยิมเรวัต อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงแนวโน้มการส่งออกในช่วงเดือนที่เหลือว่ากรมมีแผนในการผลักดันการส่งออก ผ่านการจัดกิจกรรมที่สำคัญ เช่น เชิญคณะผู้แทนการค้าข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวเพื่อเร่งรัดการส่งออก โดยมีผู้ซื้อจากประเทศต่างๆทั่วโลกระหว่าวันที่ 30 ต.ค.-2 พ.ย. 60 ซึ่งล่าสุดมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน219 ราย แบ่งเป็นผู้เข้าร่วมงานในประเทศ รวม 50 ราย ผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศ รวม 169 ราย เช่น ฮ่องกง แคนาดา สหรัฐอเมริกา ยุโรป แอฟริกา ตุรกี ซาอุดิอาระเบีย อินเดีย และอาเซียน ฯลฯ ทั้งนี้คาดว่า จะสั่งซื้อทันที ประมาณ 586 ล้านบาท และสั่งซื้อ ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
และในช่วงเดือนพฤศจิกายนนำผู้ประกอบการสินค้าเกษตรและอาหารเพื่อเจาะตลาดสหรัฐอเมริกา ผู้ประกอบการไทยที่ผ่านการคัดเลือก 8 บริษัท จะไปเจรจาซื้อขายกับผู้นำเข้ารายใหญ่ในสหรัฐ รวมถึงการพาผู้ประกอบการด้านภาพยนตร์และบันเทิงไปในงาน American Film Market & Conference 2017 (สหรัฐอเมริกา)ระหว่างวันที่1- 8 พ.ย. 60 เป็นต้น ส่วน ในประเทศเน้นการจัดงานครีเอทีฟไทยแลนด์ สัญจรเช่นที่ กรุงเทพ เชียงใหม่ และพัทยา เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการไปตลาดต่างประเทศนำเสนอ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามกรมจะเน้นกลยุทธ์ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ(Strategic Partnership: Collaboration – Cooperation – Connection)เพื่อกระชับความสัมพันธ์ เสริมสร้างความเชื่อมั่น และแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ใน 3 แนวทาง ไม่ว่าจะเป็น Inclusive & Sustainable Growth: มั่งคั่งอย่างยั่งยืนไปด้วยกันในตลาดอาเซียน , Inspiring Confidence: กระชับความสัมพันธ์ ตอกย้ำภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น แสวงหาโอกาสใหม่ในตลาดเดิมไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ/สหราชอาณาจักร/ยุโรป/จีน (เฉิงตูและจีนตะวันตกตามแนว OBOR) และ Untapped Opportunities: แสวงหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ อย่าง แอฟริกาตะวันตก (French-Speaking)/ ลาตินอเมริกา (อาร์เจนติน่า ชิลี เม็กซิโก)
สำหรับเป้าส่งออกปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 8% หรือ 232,618 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้ในปีนี้ ไทยส่งออกเป็นมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ เทียบจากปี2555 ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 229,084 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นการส่งออกของ 3 เดือนที่เหลือต้องมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 19,061ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน สำหรับปี 2561 การส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง แต่ยังคงมี ปัจจัยเสี่ยงเช่น ความไม่แน่นอนของนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ,การกำหนดมาตรการกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่างๆ,แนวโน้มการกำหนดนโยบายส่งเสริมการผลิตในประเทศทดแทนการนำเข้า โดยเฉพาะ จีน (น้ำตาล) อินโดนีเซีย),อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนมากและปัญหาความไม่สงบและการก่อการร้าย นำไปสู่ผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจนำไปสู่การออกมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ชภาษี(NTB) ของประเทศคู่ค้าต่อไป เช่น ปัญหาความไม่สงบของประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งปัจจัยเลี่ยงดังกล่าวยังต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดเนื่องจากเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกในระยะถัดไป ซึ่งกรมอยู่ระหว่างการจัดทำการประเมินเป้าหมายและสถานการณ์การส่งออก ซึ่งต้องรวบรวมจากทูตพาณิชย์ทุกภูมิภาคและจาก การประชุมกับภาคเอกชนรายคลัสเตอร์ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการประชุมทูตพาณิชย์ประมาณกลางเดือนมกราคมปีหน้า
[caption id="attachment_222895" align="aligncenter" width="503"]
นางจันทิรา ยิมเรวัต อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงแนวโน้มการส่งออกในช่วงเดือนที่เหลือว่ากรมมีแผนในการผลักดันการส่งออก ผ่านการจัดกิจกรรมที่สำคัญ เช่น เชิญคณะผู้แทนการค้าข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวเพื่อเร่งรัดการส่งออก โดยมีผู้ซื้อจากประเทศต่างๆทั่วโลกระหว่าวันที่ 30 ต.ค.-2 พ.ย. 60 ซึ่งล่าสุดมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน219 ราย แบ่งเป็นผู้เข้าร่วมงานในประเทศ รวม 50 ราย ผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศ รวม 169 ราย เช่น ฮ่องกง แคนาดา สหรัฐอเมริกา ยุโรป แอฟริกา ตุรกี ซาอุดิอาระเบีย อินเดีย และอาเซียน ฯลฯ ทั้งนี้คาดว่า จะสั่งซื้อทันที ประมาณ 586 ล้านบาท และสั่งซื้อ ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
และในช่วงเดือนพฤศจิกายนนำผู้ประกอบการสินค้าเกษตรและอาหารเพื่อเจาะตลาดสหรัฐอเมริกา ผู้ประกอบการไทยที่ผ่านการคัดเลือก 8 บริษัท จะไปเจรจาซื้อขายกับผู้นำเข้ารายใหญ่ในสหรัฐ รวมถึงการพาผู้ประกอบการด้านภาพยนตร์และบันเทิงไปในงาน American Film Market & Conference 2017 (สหรัฐอเมริกา)ระหว่างวันที่1- 8 พ.ย. 60 เป็นต้น ส่วน ในประเทศเน้นการจัดงานครีเอทีฟไทยแลนด์ สัญจรเช่นที่ กรุงเทพ เชียงใหม่ และพัทยา เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการไปตลาดต่างประเทศนำเสนอ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามกรมจะเน้นกลยุทธ์ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ(Strategic Partnership: Collaboration – Cooperation – Connection)เพื่อกระชับความสัมพันธ์ เสริมสร้างความเชื่อมั่น และแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ใน 3 แนวทาง ไม่ว่าจะเป็น Inclusive & Sustainable Growth: มั่งคั่งอย่างยั่งยืนไปด้วยกันในตลาดอาเซียน , Inspiring Confidence: กระชับความสัมพันธ์ ตอกย้ำภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น แสวงหาโอกาสใหม่ในตลาดเดิมไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ/สหราชอาณาจักร/ยุโรป/จีน (เฉิงตูและจีนตะวันตกตามแนว OBOR) และ Untapped Opportunities: แสวงหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ อย่าง แอฟริกาตะวันตก (French-Speaking)/ ลาตินอเมริกา (อาร์เจนติน่า ชิลี เม็กซิโก)
สำหรับเป้าส่งออกปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 8% หรือ 232,618 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้ในปีนี้ ไทยส่งออกเป็นมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ เทียบจากปี2555 ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 229,084 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นการส่งออกของ 3 เดือนที่เหลือต้องมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 19,061ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน สำหรับปี 2561 การส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง แต่ยังคงมี ปัจจัยเสี่ยงเช่น ความไม่แน่นอนของนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ,การกำหนดมาตรการกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่างๆ,แนวโน้มการกำหนดนโยบายส่งเสริมการผลิตในประเทศทดแทนการนำเข้า โดยเฉพาะ จีน (น้ำตาล) อินโดนีเซีย),อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนมากและปัญหาความไม่สงบและการก่อการร้าย นำไปสู่ผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจนำไปสู่การออกมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ชภาษี(NTB) ของประเทศคู่ค้าต่อไป เช่น ปัญหาความไม่สงบของประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งปัจจัยเลี่ยงดังกล่าวยังต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดเนื่องจากเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกในระยะถัดไป ซึ่งกรมอยู่ระหว่างการจัดทำการประเมินเป้าหมายและสถานการณ์การส่งออก ซึ่งต้องรวบรวมจากทูตพาณิชย์ทุกภูมิภาคและจาก การประชุมกับภาคเอกชนรายคลัสเตอร์ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการประชุมทูตพาณิชย์ประมาณกลางเดือนมกราคมปีหน้า
