จี้สอบ! อินไซด์หุ้น “GL" ไล่ทุบหุ้นหวังระบายของ ก.ล.ต. ฟันธง! กำไรผิดปกติ

22 ต.ค. 2560 | 07:44 น.
รายย่อยเจ็บไม่จำ! ตกเป็นเหยื่อรายใหญ่รวมพลังงัดหุ้น “GL” ขึ้นมา ล่อให้เข้ามาเก็งกำไร หวังปล่อยของอินไซด์ข้อมูล ก.ล.ต. สั่งให้บริษัทแก้ไขงบและตลาดหลักทรัพย์ ... “SP” จี้ทางการตรวจสอบข้อมูลซื้อขาย โทษไม่แก้ไขงบตามใบสั่ง ปรับเงินบริษัท จำคุกผู้บริหาร

มาร์เก็ตติ้ง กล่าวว่า การซื้อขายหุ้น บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2560 ผิดปกติ ทั้งราคาและมูลค่าสูงกว่า 3,809 ล้านบาท โดยมีกระแสข่าวเรื่องนักลงทุนรายใหญ่จะดันราคาหุ้นไม่ให้ทรุด 30% (ฟลอร์) ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เพื่อหลอกล่อให้นักลงทุน โดยเฉพาะรายย่อย แห่เข้าเก็งกำไรติดกับเป้าหมายของรายใหญ่ที่ต้องการระบายหุ้น ส่งผลให้ราคาแกว่งรุนแรง ขึ้นลงวันเดียว 3.85 บาท จากราคาเปิดที่ 9 บาท ขึ้นไปสูงสุดถึง 11.80 บาท ก่อนที่จะถูกทุบในภาคบ่าย ต่ำสุดที่ 7.95 บาท จากกระแสข่าวหุ้นจะถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแขวน “เอสพี” ห้ามการซื้อขายหุ้น GL ชั่วคราว ในวันที่ 20 ต.ค. ก่อนจะเปิดซื้อขายหุ้นในวันที่ 24 ต.ค. ตามเกณฑ์ หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งให้บริษัทแก้ไขงบในวันที่ 19 ต.ค. 2560

“รายย่อยตกเป็นเหยื่อของนักลงทุนรายใหญ่บ่อยครั้ง รับรู้ข้อมูลข่าวสารช้ากว่า ไม่ทันเกม แต่งานนี้ไม่เป็นธรรม มีข่าวรั่ว นักลงทุนบางกลุ่มรู้ข้อมูลล่วงหน้า (อินไซด์) เรื่อง ก.ล.ต. สั่งแก้ไขงบ GL ก่อนที่จะประกาศอย่างเป็นทางการ หลังตลาดปิด และ ก.ล.ต. ยังแก้ปัญหา GL ผิดพลาด ทำไมไม่สั่งให้แก้ไขงบในวันเดียวกับที่กล่าวโทษผู้บริหาร เมื่อมีข้อมูลเรื่องงบผิดปกติอยู่แล้ว การเปิดให้ซื้อขายหุ้นตามปกติ 3 วัน (17-19) สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก” แหล่งข่าว กล่าว


MP17-3307-A

ที่ผ่านมา กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่เข้าไปเก็งกำไรหุ้น GL หลายรอบ ทำให้ราคาหุ้นแกว่งขึ้นและลงแรง โดยเฉพาะในช่วงราคา 18 บาท ผู้นำกลุ่มแนะนำให้สมาชิกเข้าไปซื้อเก็บ เพราะหุ้นถูกและมีพื้นฐานดี ผลักดันราคาขึ้นไปสูงกว่า 20 บาทอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สำนักงาน ก.ล.ต. จะกล่าวโทษ นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL ต่อทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในความผิดเกี่ยวกับการทุจริต เข้าข่ายเป็นธุรกรรมอำพราง การยักยอก ยินยอมให้ลงบัญชี และทำบัญชีไม่ตรงต่อความเป็นจริง เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2560

ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ต.ค. สำนักงาน ก.ล.ต. แจ้งให้บริษัท กรุ๊ปลีส แก้ไขงบการเงิน ที่แสดงรายการเงินให้กู้ยืมสูงกว่าความเป็นจริง 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,782 ล้านบาท คิดดอกเบี้ย 14-25% ต่อปี ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสูงกว่าความเป็นจริง ทั้งนี้ เงินให้กู้ยืมสูงเกินจริงจำนวน 1,782 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 29.18% ของลูกหนี้ ตามสัญญาเช่าซื้อและขายผ่อนสุทธิ 6,105 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2560 และมีมูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ 5.35 บาทต่อหุ้น

“หาก GL ไม่แก้ไขงบการเงินให้ถูกต้องโดยเร็ว อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 56 และหากกรรมการบริษัทไม่แก้ไข ยินยอมให้งบการเงินเป็นเท็จ ไม่ถูกต้อง หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง อาจส่งผลให้มีความผิดตามมาตรา 312” สำนักงาน ก.ล.ต. ระบุ
แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ

สำหรับความผิดตามมาตรา 56 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 3,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ส่วนกรรมการผู้จัดการ หรือ บุคคลผู้มีอำนาจไม่มาชี้แจง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนมาตรา 312 บทกำหนดโทษผู้บริหารที่กระทำหรือยินยอมให้กระทำความผิดเกี่ยวกับบัญชีหรือเอกสาร ถ้ากระทำหรือยินยอมให้กระทำเพื่อลวงให้นิติบุคคล หรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใด ๆ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000-1,000,000 บาท

บริษัท ทริสเรทติ้ง ปรับลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ มีการค้ำประกันบางส่วน ชุดปัจจุบันของ บริษัท กรุ๊ปลีสฯ เป็น “BB+” จาก “A-” และประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “ลบ” เพราะคุณภาพเครดิตของบริษัทลดลง หลังผู้บริหารสูงสุดถูกกล่าวโทษ และข้อกล่าวหาของ ก.ล.ต. ก่อให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานะที่แท้จริงในสินทรัพย์ ความแข็งแกร่งทางการเงิน และโอกาสทางธุรกิจในอนาคต ความไม่แน่นอนดังกล่าว ส่งผลให้คุณภาพเครดิตของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างมาก

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,307 วันที่ 22-25 ต.ค. 2560

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว