เอ.พี.ฮอนด้า ผ่านวิกฤติด้วยพระราชดำรัส
ด้วยหลักคิดในการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การศึกษา ความปลอดภัย ค่ายรถจักรยานยนต์ “เอ.พี.ฮอนด้า” ยังน้อมนำแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ มาปรับใช้ในองค์กร ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ และเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยน แปลงเทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มองเรื่องราวนี้ผ่าน“สุชาติ อรุณแสงโรจน์” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
++พัฒนารถ4จังหวะได้ทัน
นายสุชาติ เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปประมาณปีค.ศ.1996-1997 ทีมผู้บริหารจากกลุ่มธุรกิจฮอนด้า ได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 และถวายรถยนต์ ฮอนด้า แอคคอร์ด ซึ่งในระหว่างทูลเกล้าฯถวาย ทรงมีรับสั่งให้ดูแลสิ่งแวดล้อม
ในส่วนของผู้บริหารเอ.พี.ฮอนด้า ที่ร่วมเข้าเฝ้าก็นำพระราชดำรัสในครั้งนั้นมาทบทวน โดยขณะนั้นมีการผลิตรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะ ซึ่งคนไทยชอบเพราะใช้งานง่าย แต่มีจุดอ่อนคือกินนํ้ามัน และก่อมลพิษ ซึ่งภายหลังจากการเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 ประธานของฮอนด้าจึงได้ประกาศให้มีการคิดใหม่-ทำใหม่ และวางแผนภายใน 3 ปีให้โรงงานทำการพัฒนาเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ ที่มีคุณสมบัติเทียบเท่าเครื่องยนต์ 2 จังหวะ และมีมาตรฐานไอเสียอยู่ระดับเดียวกันกับสหรัฐอเมริกา
“จุดเริ่มต้นของการพัฒนาเครื่องยนต์ 4 จังหวะเกิดขึ้นหลังจากมีการเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่9 ประกอบกับในต่างประเทศเริ่มเล็งเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงเป็นนโยบายออกมาให้เลิกเครื่องยนต์ 2 จังหวะ และพัฒนาเครื่องยนต์ 4 จังหวะออกมาแทน”
[caption id="attachment_221975" align="aligncenter" width="405"]
สุชาติ อรุณแสงโรจน์[/caption]
หลังจากทำการพัฒนาเครื่องยนต์ 4 จังหวะออกมา ประเทศไทยอยู่ในภาวะที่ต้องเผชิญกับวิกฤติต้มยำกุ้ง ซึ่งประชาชนต้องประหยัด เลยทำให้หลายคนตระหนักถึงความสำคัญของรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้วเกิดความคุ้มค่าและประหยัดนํ้ามันซึ่งเครื่องยนต์ 4 จังหวะที่ได้พัฒนาขึ้นมานี้ถือว่าตอบโจทย์ ตลาดให้การตอบรับดีเกินคาด จึงกลายเป็นความโชคดีที่ทำให้ฮอนด้าสามารถผ่านพ้นวิกฤติตรงนั้นมาได้
ปัจจุบันฮอนด้ายังได้พัฒนาเครื่องยนต์เป็นแบบหัวฉีดเพราะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ค่ามลพิษตํ่า โดยประเทศไทยถือว่าเป็นเบอร์ 1 ในอาเซียน หรือมีความเข้มงวดกับมาตรฐานไอเสียอยู่ในระดับต้นๆ ของโลก
++กำไรมากต้องตอบแทนสังคมมาก
นายสุชาติ เล่าต่อไปว่า ฮอนด้านอกจากการพัฒนารถหรือเทคโนโลยีให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังตระหนักถึงแนวคิดของในหลวงเกี่ยวกับการทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อสังคม โดยในช่วงที่ผ่านมา ฮอนด้ามีหลายโครงการเช่น “ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย”ด้วยการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาล เปิดให้บริการตรวจเช็ก รถจักรยานยนต์ฟรี รวมถึงตั้งจุดบริการพักรถพิเศษบนทางหลวงสายมิตรภาพ และจัดฝึกอบรมเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาก่อนออกหน่วยบริการประชาชน
อย่างในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ยังจัดเตรียมโซนพิเศษเพื่อให้ประชาชนได้ร่วมถวายความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ อีกด้วย
ล่าสุดยังร่วมกับผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับเครือข่าย ศูนย์ฮอนด้าวิงเซ็นเตอร์ทั่วประเทศ จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตทั่วไทยปี 2560 เพื่อส่งมอบให้แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ภายใต้โครงการ “ทำความดีบริจาคโลหิต น้อมจิตรำลึก สำนึกในพระมหา กรุณาธิคุณ” ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ
“เราขอเป็นจุดเล็กๆที่ได้สร้างความรู้สึกร่วมของการเป็นคนดีของสังคมให้เกิดขึ้น ตลอดระยะเวลา 13 ปีกับกิจกรรมบริจาคโลหิตที่เราร่วมกับเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศจัดขึ้นนั้นถือได้ว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก มีผู้เข้ามาร่วมบริจาคโลหิตเพื่อส่งมอบให้กับโรงพยาบาลและกาชาดในแต่ละจังหวัดรวมแล้วกว่า 154 ล้านซีซี”
ในปีนี้ได้ร่วมมือกับเครือข่ายผู้จำหน่ายจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตทั่วไทยประจำปี 2560 ซึ่งนอกจากการเปิดศูนย์ฮอนด้าวิงเซ็นเตอร์เป็นที่รับบริจาคทั้ง 77 จังหวัดแล้ว เรายังได้เพิ่มสถานที่ในการบริจาคโลหิตให้คนกรุงเทพฯและปริมณฑลได้เข้าถึงง่ายขึ้น โดยนำรถบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ขนาด 8 เตียงออกหน่วยเป็นจุดรับบริจาคพิเศษตามห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ รวมถึงศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์อีกด้วย
“ในหลวงท่านทรงทำงานเพื่อส่วนรวมเพื่อสังคมท่านทำให้เราคิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ตรงจุดนี้ก็สอดคล้องกับปรัชญาของเราโดยเรามองว่า การทำธุรกิจต้องมีการคืนสู่สังคม หรือต่อชุมชนที่เราอยู่ ยิ่งได้กำไรมากก็ยิ่งแบ่งให้กับสังคมมาก” นายสุชาติ กล่าว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,307 วันที่ 22 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560
++พัฒนารถ4จังหวะได้ทัน
นายสุชาติ เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปประมาณปีค.ศ.1996-1997 ทีมผู้บริหารจากกลุ่มธุรกิจฮอนด้า ได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 และถวายรถยนต์ ฮอนด้า แอคคอร์ด ซึ่งในระหว่างทูลเกล้าฯถวาย ทรงมีรับสั่งให้ดูแลสิ่งแวดล้อม
ในส่วนของผู้บริหารเอ.พี.ฮอนด้า ที่ร่วมเข้าเฝ้าก็นำพระราชดำรัสในครั้งนั้นมาทบทวน โดยขณะนั้นมีการผลิตรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะ ซึ่งคนไทยชอบเพราะใช้งานง่าย แต่มีจุดอ่อนคือกินนํ้ามัน และก่อมลพิษ ซึ่งภายหลังจากการเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 ประธานของฮอนด้าจึงได้ประกาศให้มีการคิดใหม่-ทำใหม่ และวางแผนภายใน 3 ปีให้โรงงานทำการพัฒนาเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ ที่มีคุณสมบัติเทียบเท่าเครื่องยนต์ 2 จังหวะ และมีมาตรฐานไอเสียอยู่ระดับเดียวกันกับสหรัฐอเมริกา
“จุดเริ่มต้นของการพัฒนาเครื่องยนต์ 4 จังหวะเกิดขึ้นหลังจากมีการเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่9 ประกอบกับในต่างประเทศเริ่มเล็งเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงเป็นนโยบายออกมาให้เลิกเครื่องยนต์ 2 จังหวะ และพัฒนาเครื่องยนต์ 4 จังหวะออกมาแทน”
[caption id="attachment_221975" align="aligncenter" width="405"]
หลังจากทำการพัฒนาเครื่องยนต์ 4 จังหวะออกมา ประเทศไทยอยู่ในภาวะที่ต้องเผชิญกับวิกฤติต้มยำกุ้ง ซึ่งประชาชนต้องประหยัด เลยทำให้หลายคนตระหนักถึงความสำคัญของรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้วเกิดความคุ้มค่าและประหยัดนํ้ามันซึ่งเครื่องยนต์ 4 จังหวะที่ได้พัฒนาขึ้นมานี้ถือว่าตอบโจทย์ ตลาดให้การตอบรับดีเกินคาด จึงกลายเป็นความโชคดีที่ทำให้ฮอนด้าสามารถผ่านพ้นวิกฤติตรงนั้นมาได้
ปัจจุบันฮอนด้ายังได้พัฒนาเครื่องยนต์เป็นแบบหัวฉีดเพราะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ค่ามลพิษตํ่า โดยประเทศไทยถือว่าเป็นเบอร์ 1 ในอาเซียน หรือมีความเข้มงวดกับมาตรฐานไอเสียอยู่ในระดับต้นๆ ของโลก
++กำไรมากต้องตอบแทนสังคมมาก
นายสุชาติ เล่าต่อไปว่า ฮอนด้านอกจากการพัฒนารถหรือเทคโนโลยีให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังตระหนักถึงแนวคิดของในหลวงเกี่ยวกับการทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อสังคม โดยในช่วงที่ผ่านมา ฮอนด้ามีหลายโครงการเช่น “ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย”ด้วยการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาล เปิดให้บริการตรวจเช็ก รถจักรยานยนต์ฟรี รวมถึงตั้งจุดบริการพักรถพิเศษบนทางหลวงสายมิตรภาพ และจัดฝึกอบรมเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาก่อนออกหน่วยบริการประชาชน
อย่างในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ยังจัดเตรียมโซนพิเศษเพื่อให้ประชาชนได้ร่วมถวายความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ อีกด้วย
ล่าสุดยังร่วมกับผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับเครือข่าย ศูนย์ฮอนด้าวิงเซ็นเตอร์ทั่วประเทศ จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตทั่วไทยปี 2560 เพื่อส่งมอบให้แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ภายใต้โครงการ “ทำความดีบริจาคโลหิต น้อมจิตรำลึก สำนึกในพระมหา กรุณาธิคุณ” ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ
“เราขอเป็นจุดเล็กๆที่ได้สร้างความรู้สึกร่วมของการเป็นคนดีของสังคมให้เกิดขึ้น ตลอดระยะเวลา 13 ปีกับกิจกรรมบริจาคโลหิตที่เราร่วมกับเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศจัดขึ้นนั้นถือได้ว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก มีผู้เข้ามาร่วมบริจาคโลหิตเพื่อส่งมอบให้กับโรงพยาบาลและกาชาดในแต่ละจังหวัดรวมแล้วกว่า 154 ล้านซีซี”
ในปีนี้ได้ร่วมมือกับเครือข่ายผู้จำหน่ายจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตทั่วไทยประจำปี 2560 ซึ่งนอกจากการเปิดศูนย์ฮอนด้าวิงเซ็นเตอร์เป็นที่รับบริจาคทั้ง 77 จังหวัดแล้ว เรายังได้เพิ่มสถานที่ในการบริจาคโลหิตให้คนกรุงเทพฯและปริมณฑลได้เข้าถึงง่ายขึ้น โดยนำรถบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ขนาด 8 เตียงออกหน่วยเป็นจุดรับบริจาคพิเศษตามห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ รวมถึงศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์อีกด้วย
“ในหลวงท่านทรงทำงานเพื่อส่วนรวมเพื่อสังคมท่านทำให้เราคิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ตรงจุดนี้ก็สอดคล้องกับปรัชญาของเราโดยเรามองว่า การทำธุรกิจต้องมีการคืนสู่สังคม หรือต่อชุมชนที่เราอยู่ ยิ่งได้กำไรมากก็ยิ่งแบ่งให้กับสังคมมาก” นายสุชาติ กล่าว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,307 วันที่ 22 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560
