ประชัน! “3 เอสยูวี” สุดหรู ส่งท้ายปี
สอดคล้องกับตลาดรวมที่เติบโต ใน “กลุ่มรถยนต์หรู” ทิศทางก็ดูสดใสเช่นกัน หรือ ผ่านไป 8 เดือน (ม.ค. - ส.ค. 60) ยอดขายคึกคัก ทั้ง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” 9,300 คัน โต 20%, “บีเอ็มดับเบิลยู” 6,600 คัน โต 30% และ “วอลโว่” 768 คัน โต 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
สำหรับปีนี้ สถานการณ์ตลาดค่อนข้างนิ่ง จะมีเพียงการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดภาษีสรรพสามิตใหม่ตาราคาขายปลีก แต่ทุกค่ายต่างเตรียมการรับมือเอาไว้เป็นอย่างดี ทั้งยังวางแผนเปิดตัวรถใหม่อีกหลายรุ่น เพื่อกระตุ้นยอดขายปลายปีต่อเนื่องไปถึงปีหน้า เหนืออื่นใด ใน “กลุ่มเอสยูวี” ที่ถือเป็นเซ็กเมนต์ดาวรุ่ง และในเดือน พ.ย. นี้ จะมีการโมเดลเชนจ์ถึง 3 รุ่น จาก 2 ค่ายเยอรมี และ 1 ค่ายสวีเดน
เริ่มกันที่ “บีเอ็มดับเบิลยู” พร้อมส่ง “เอ็กซ์ 3 โฉมใหม่” รหัสตัวถัง G01 โดยค่ายรถยนต์จากแคว้นบาวาเรีย ยืนยันว่า นี่เป็นการพัฒนาใหม่หมดและไม่อิงกับโครงสร้างเดิม ทั้งแพลตฟอร์มใหม่ ช่วงล่าง และขุมพลัง ขณะที่ มิติตัวถังยาวและกว้างขึ้น แต่น้ำหนักตัวกลับเบาลง 55 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับโฉมเดิม อันเป็นผลมาจากการใช้อะลูมิเนียมเป็นชิ้นส่วนหลักในการขึ้นรูปโครงสร้าง
โดย “เอ็กซ์ 3 โฉมใหม่” ยาว 4,716 มม. กว้าง 1,897 มม. สูง 1,676 มม. ระยะฐานล้อ 2,864 มม. และเคลมว่า ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) ต่ำสุดในคลาสที่ 0.29 ในส่วนมาตรฐานความปลอดภัย “บีเอ็มดับเบิลยู” เพิ่มระบบช่วยเหลือการขับขี่อัตโนมัติ อย่าง การแจ้งเตือนและดึงพวงมาลัยกลับ เมื่อรถวิ่งออกนอกช่องทางการวิ่ง ระบบควบคุมความเร็วแปรผันตามระยะห่างจากรถคันหน้า เป็นต้น
โดยการเปิดตัวในเมืองไทยในวันที่ 16 พ.ย. นี้ จะเป็นรุ่นนำเข้าทั้งคัน (CBU) ก่อนที่รุ่นประกอบในประเทศจะเริ่มทำตลาดปีหน้ากับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร X3 xDrive20d ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
อีกรุ่นถือเป็นรถที่อยู่ในคลาสเดียวกัน คือ วอลโว่ “เอ็กซ์ซี 60 โฉมใหม่” เป็นเบบี้เอสยูวีที่จะเข้ามาเสริมทัพต่อจากรุ่นพี่ “เอ็กซ์ซี 90” หรือถอดแบบรูปทรง ขุมพลัง และออพชัน ตามกันมาเลย ทว่าขนาดจะเล็กกว่าและรองรับเบาะแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง (XC90 รองรับเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง)
สำหรับ “เอ็กซ์ซี 60” เจเนอเรชันที่ 2 พัฒนามาจาก SPA แพลตฟอร์มเหมือนรถตระกูล 90 พร้อมเพิ่มระบบความปลอดภัยใหม่ ๆ อย่าง ระบบช่วยบังคับเลี้ยวพวงมาลัย (Steering assist) หักพวงมาลัยหลบให้อัตโนมัติ โดยเสริมการทำงานกับระบบตรวจจับรถในมุมอับสายตา (Blis) ระบบซิตีเซฟตี้ และระบบตรวจจับรถที่วิ่งสวนกัน (Coming Lane) ส่วนเครื่องยนต์ Drive-E มีทั้งบล็อก 2.0 ลิตร ดีเซล D4 และเบนซิน T5 ประกบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รวมถึงรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด T8 Twin Engine ที่จะตามมาในอนาคต
ปิดท้ายด้วย เอสยูวีสมรรถนะสูงของปอร์เช่ “คาเยนน์” เจเนอเรชันที่ 3 เตรียมเปิดตัวในเมืองไทย หลังจากเผยโฉมรุ่นเทอร์โบในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2017 ที่ประเทศเยอรมนี ไปสด ๆ ร้อน ๆ (เดือน ก.ย.)
ส่วนเมืองไทยจะเปิดตัวด้วย รุ่นคาเยนน์ และคาเยนน์ เอส โดยรุ่นใหม่เพิ่มความสะดวกสบายและออพชันคล้าย ๆ กับที่ใส่มาในพานาเมรา โฉมใหม่ โดยติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพียบ แต่ยังสามารถลดน้ำหนักรวมของตัวรถให้เบากว่ารุ่นก่อนได้ถึง 65 กิโลกรัม
นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ “คาเยนน์” ติดตั้งยางต่างขนาด และระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง หรือ rear-axle steering ลงในเอสยูวี พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ active all-wheel drive ซึ่งติดตั้งเป็นมาตรฐาน
นอกจากนี้ ยังใช้ Porsche 4D Chassis Control ระบบช่วงล่างถุงลม เทคโนโลยี Three-chamber air sue-pension ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) ระบบ Electronic Roll Stabi-lisation และนวัตกรรมระบบเบรก ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นล่าสุด Porsche Surface Coated Brake (PSCB)
“คาเยนน์” รุ่นพื้นฐานใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี 6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ 340 แรงม้า ส่วน “คาเยนน์ เอส วี 6” ขนาด 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่ แรงขึ้นเป็น 440 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.2 วินาที จากนั้นปีหน้ารุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด ถึงจะพร้อมทำตลาด
ทั้งหมดเป็น “เอสยูวี” ระดับหรู 3 รุ่น ที่สร้างยอดขายให้แต่ละค่ายอย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยการเปิดตัวปลายปีนี้ เป็นไปตามจังหวัดการเปิดตัวของตลาดโลกและช่วงฤดูกาลขายของเมืองไทย ทว่าการส่งมอบรถจะเริ่มอย่างจริงจัง ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,307 วันที่ 22-25 ต.ค. 2560
