จีดีพีโลกปีนี้ยังเติบโตดีแต่ยังมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความมั่นคงคาบสมุทรเกาหลี จับตา “แพกเกจโดนัลทรัมป์ในสหรัฐ คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยธันวาคมปีนี้ -แนวโน้มสถานการณ์หนี้ในยุโรปบวกภาคส่งออก และผลประชุมพรรคคอมมิวนิสจีน”
[caption id="attachment_221122" align="aligncenter" width="335"]
นายเอ็ดเวิร์ด ลี[/caption]
นายเอ็ดเวิร์ด ลี หัวหน้าทีมวิจัย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกยังสะท้อนการฟื้นตัวค่อนข้างดี แม้อัตราการเติบโตยังไม่กลับมาดีเทียบเท่าก่อนวิกฤติ โดยเห็นได้ว่าปีนี้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีเมื่อเทียบกับหลายปีก่อน ขณะที่ความเสี่ยงต่างๆ ที่หวาดระแวงกันในอดีตไม่ได้เกิดขึ้น ทำให้ปีนี้เป็นปีที่เศรษฐกิจโลกมีการเติบโตสูงที่สุด 3.6% นับตั้งแต่ปีวิกฤติเศรษฐกิจโลก ปี 2551เป็นต้นมา แต่สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมองว่ายังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามและระมัดระวัง ทั้งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์(Geo politic) สถานการณ์ความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี นโยบายการกีดกันทางการค้า สถานการณ์หนี้ในอียูที่ยังสูงแม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกานั้น หากการดำเนินนโยบายการปฏิรูปภาษี(Tax Reform) ภายใต้รัฐบาลนายโดนัลทรัมป์ ประธานาธิบดีเกิดขึ้นได้จริงสถานการณ์เงินเฟ้ออาจกลับมาน่าที่จะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯดีต่อเนื่อง ซึ่งสัญญาณที่ผู้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ( Fed) คนใหม่น่าจะมีแนวโน้ม hawkish กว่าคนปัจจุบันโดยประธานาธิบดีโดนัลทรัมป์จะประกาศรายชื่อต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯยังรอตัวเลขเศรษฐกิจหลักๆที่จะออกมา เช่น เรื่องค่าจ้าง ที่จะสะท้อนอัตราเงินเฟ้อ แม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ดีขึ้น และยังคงต้องรอการประเมินผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติด้วย
ด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐนั้น สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคมปีนี้ และเชื่อว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยอีกสองครั้ง สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะขึ้นเพียงหนึ่งครั้งและแนวโน้มปีหน้าไม่เชื่อว่าดอกเบี้ยเฟดจะอยู่ในระดับ 3%
ส่วนเศรษฐกิจยุโรป(อียู)นั้นยังเติบโตขึ้นขึ้นทั้งในประเทศหลัก และเศรษฐกิจริมขอบ (อิตาลี) คาดว่าทั้งปีนี้จีดีพียุโรปน่าจะเติบโตถึง 2.2% แต่ปีหน้า(2561)แนวโน้มอาจชะลอลงจากปีนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับภาคการส่งออกโดยที่ช่วงนี้ค่าเงินยูโรแข็งค่า ขณะที่ การลงทุนเอกชนเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าสนใจแม้ยังไม่สูงเมื่อเทียบกับปี 2551-หรือปี 2012 ที่มีวิกฤติหนี้และเชื่อว่ายังจะเติบโตได้อีก แต่กระนั้นยังต้องจับตามองภาคการส่งออก โดยที่นโยบายยังคงสนับสนุนการเติบโตผ่านการมีดอกเบี้ยต่ำ และการสิ้นสุดของนโยบายคิวอีในเดือนกันยายนปี2561
นอกจากนี้เศรษฐกิจจีนปีนี้เป็นครั้งแรกที่ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจดีขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ตั้งแต่ปี 2553 ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตขึ้นในภาคการคลัง ภาคบริการ และการลงทุนพื้นฐาน โดยปีนี้น่าจะเติบโตได้ถึง 6.8% และในปีหน้าคาดว่าจะโตได้ 6.5% (จีนน่าจะพอใจถ้ามีตัวเลขการเติบโตเฉลี่ยที่ 6.3-6.5%) เพราะจีนยังพยายามที่ละลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จับตามองคือการประชุมสภาพรรคคอมมิวนิสต์ที่เริ่มในวันที่18 ตุลาคม2560 จะครอบคลุมนโยบายหลัก อาทิ การลดปัญหาคอร์รัปชั่น การทำให้เงินหยวนเป็นสากล โครงการหนึ่งเข็มขัดหนึ่งเส้นทาง และความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี