ผ่านโยบายดอกเบี้ย ว่าที่ประธานเฟด

20 ต.ค. 2560 | 05:57 น.
โผว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)คนใหม่ยังไม่นิ่ง แม้ว่าล่าสุดโอกาสของ จอห์น เทย์เลอร์ จะดูเรืองรองขึ้นหลังเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสื่อรายงานว่าทรัมป์ดูจะพออกพอใจแต่ตัวเต็งยังคงเป็นนายเจอโรม พาเวลล์ หนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงิน(FOMC) คนปัจจุบันที่มีโอกาสมากกว่า 50% เหนือกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ

MP24-3306-A ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะเลือกประธานเฟดคนใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบันหมดวาระโดยประธานเฟดจะมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อทิศทางนโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย และเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน และตลาดโภคภัณฑ์โลก

[caption id="attachment_118065" align="aligncenter" width="416"] จิติพล พฤกษาเมธานันท์ จิติพล พฤกษาเมธานันท์[/caption]

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นายเจอโรม พาเวลล์ตรงสเปกของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ชอบนโยบายการเงินที่ดำรงอัตราดอกเบี้ยตํ่าและไม่เปลี่ยนนโยบายการเงินมากนัก หากนายพาเวลล์ เข้ามาเป็นประธานคนใหม่ จะเลือกใช้นโยบายเดิมไปก่อน ซึ่งไม่กระทบกับนโยบายต่างๆของทรัมป์

เช่นเดียวกับ นางเจเน็ต เยลเลน ที่เป็นหนึ่งในตัวเลือก แต่นํ้าหนักน้อยกว่านายพาเวลล์ เหลือเพียง 20%เนื่องจากนางเยลเลน มาจากพรรคเดโมแครต และนายบารัก โอบามา เป็นผู้แต่งตั้ง

ขณะที่นายเควิน วอร์ชอดีตบอร์ด FOMC และนายจอห์น เทย์เลอร์ อาจารย์มหาวิทยาลัย Standford เป็นอีกตัวเลือก เนื่องจากเป็นพรรครีพับลิกัน และทรัมป์ ชอบเป็นการส่วนตัว แต่การดำเนินนโยบายจะแตกต่างกับนายพาเวลล์และนางเยลเลน

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01-3 วอร์ชและเทย์เลอร์ จัดอยู่ในสายเหยี่ยว ดำเนินนโยบายดอกเบี้ยที่จะขึ้นและลงตามสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันภายใต้ทฤษฎีการนำอัตราเงินเฟ้อและอัตราว่างงานพิจารณาดอกเบี้ยในอนาคต เช่น หากตามทฤษฎีปัจจุบันดอกเบี้ยควรจะอยู่ที่ 3.75% แต่ปัจจุบันเฟดคงไว้ที่ 1.25% ทำให้ตลาดมองว่าหากทั้ง 2 คนนี้มาจะต้องขึ้นดอกเบี้ย

รวมถึงการลดกฎเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงินลง เพราะมองว่าปัจจุบันกฎเกณฑ์มีมากเกินไป จนทำให้ศักยภาพสถาบันการเงินลดลงเยอะ หากลดกฎเกณฑ์ลงได้จะช่วยเสริมศักยภาพสถาบันการเงินและทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว

[caption id="attachment_129346" align="aligncenter" width="379"] สมประวิณ มันประเสริฐ ที่ปรึกษาและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สมประวิณ มันประเสริฐ[/caption]

นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า สเปกของประธานเฟด เป็นการให้นํ้าหนักในคุณสมบัติต่อการดำเนินนโยบาย 2 มิติ คือกำกับตรวจสอบและการดำเนินนโยบายการเงิน

ในฟากการกำกับมีเพียงนางเจเน็ต ที่อยากให้มีการตรวจสอบ ส่วนการดำเนินนโยบายการเงินนั้น อนาคตความไม่แน่นอนคือ จะควบคุมหรือไม่ควบคุมนโยบายการเงินจะขึ้นอยู่กับบอร์ดไม่ใช่ประธานเฟด ซึ่งทิศทางดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้นค่อยเป็นค่อยไปไม่น่าจะเปลี่ยน โดยเดือนตุลาคมนี้จะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลและปรับดอกเบี้ยขึ้นในเดือนธันวาคม

“การดำเนินนโยบายการเงินนั้นจะมีสายพิราบ (Dovish) ซึ่งให้นํ้าหนักกับอัตราการเติบโต ส่วนสายเหยี่ยว (HawKish) ให้นํ้าหนักอัตราเงินเฟ้ออย่าง เควิน วอร์ช ซึ่งผมให้นํ้าหนักนางเจเน็ตกับนายพาเวลล์เป็นแคนดิเดต เพราะมีประสบการณ์และไม่หวือหวาเป็นกลางๆ”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,306 วันที่ 19 - 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560
e-book