ทัวริสต์จีนคุณภาพโต จี้ธุรกิจปรับรับฟินเทค
ทัวริสต์จีนคุณภาพโตต่อเนื่อง แนะธุรกิจไทยปรับตัวเข้าสู่ระบบชำระเงินแบบดิจิตอล รองรับจีนเบอร์ 1 ฟินเทคของโลก ซีเอ็นทีเอ ชี้การท่องเที่ยวของไทย ต้องตามให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
นายนริศ สถาผลเดช เจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทย กล่าวว่ารายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 15% ของจีดีพีประเทศและ 1 ใน 3 เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยกว่า 35 ล้านคนต่อปี ซึ่งปีนี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนถึง 9.9 ล้านคน ถ้ามองไปข้างหน้า ไทยก็มีช่องว่างที่จะเติบโตได้อีกมาก แต่ทัศนคติของคนไทยก็ต้องปรับให้ดึงดูดนักท่องเที่ยว
[caption id="attachment_176296" align="aligncenter" width="503"]
นริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)[/caption]
อีกทั้งธุรกิจไทย ต้องปรับตัวเข้ากับการชำระเงินดิจิตอล เพราะนักท่องเที่ยวจีนต้องการจ่ายเงินผ่าน QR Code และในอนาคต WeChat Play ก็จะเข้ามาในเร็วๆ นี้ โดยจีนนับว่าเป็นอันดับ 1 ของโลกในเรื่องฟินเทค
นายชาติ จันทนประยูร นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย เผยว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อน จะเห็นกรุ๊ปทัวร์จีนเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันกลุ่มทัวร์ลดลง แต่มีการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเที่ยวเอง (เอฟไอที) หรือมาแบบครอบครัวเพิ่มขึ้น ไทยควรพัฒนาสินค้าและบริการแบบลักชัวรี หรือซูเปอร์ลักชัวรี เพื่อดึงกำลังซื้อกลุ่มคนจีนที่มีรายได้สูง
นางจาง ซิน หง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน (CNTA) ประจำประเทศไทย กล่าวว่า กรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน ได้แก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบ ห้ามไม่ให้บริษัทท่องเที่ยวของจีนขายทัวร์ในราคาตํ่า หรือไม่สมเหตุผล มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 รวมถึงให้การอบรมนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในไทยต้องปฏิบัติตามขนบประเพณี และกฎหมายไทย เพื่อปรับปรุงตลาดการท่องเที่ยว
ทั้งองค์กรการวิจัยของไทยควรศึกษาและวิจัยพฤติกรรมการท่องเที่ยวของจีน ที่มาเที่ยวส่วนตัวเกือบ 5 ล้านคน และจะเสนอผลิตภัณฑ์หรือสินค้าอะไรให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ส่วนกรุ๊ปทัวร์ก็ควรจัดอบรมให้กับมัคคุเทศก์ เพื่อให้ไปเสนอขายสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แนะนำสินค้าไทยที่มีมูลค่าเพิ่ม
อีกทั้งการท่องเที่ยวของไทย ต้องตามให้ทันกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ในแง่โครงสร้างพื้นฐานในไทยที่ต้องรองรับให้ได้ เพราะจากนี้ไปนักท่องเที่ยวจีนที่เข้าไทยจะไม่ได้มีแค่ผู้ที่มีกำลังซื้อน้อย แต่จะมีตั้งแต่ในระดับปานกลางขึ้นไป การบริการต้องสร้างความประทับใจให้เสมอต้นเสมอปลาย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,306 วันที่ 19 - 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560
นายนริศ สถาผลเดช เจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทย กล่าวว่ารายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 15% ของจีดีพีประเทศและ 1 ใน 3 เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยกว่า 35 ล้านคนต่อปี ซึ่งปีนี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนถึง 9.9 ล้านคน ถ้ามองไปข้างหน้า ไทยก็มีช่องว่างที่จะเติบโตได้อีกมาก แต่ทัศนคติของคนไทยก็ต้องปรับให้ดึงดูดนักท่องเที่ยว
[caption id="attachment_176296" align="aligncenter" width="503"]
อีกทั้งธุรกิจไทย ต้องปรับตัวเข้ากับการชำระเงินดิจิตอล เพราะนักท่องเที่ยวจีนต้องการจ่ายเงินผ่าน QR Code และในอนาคต WeChat Play ก็จะเข้ามาในเร็วๆ นี้ โดยจีนนับว่าเป็นอันดับ 1 ของโลกในเรื่องฟินเทค
นายชาติ จันทนประยูร นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย เผยว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อน จะเห็นกรุ๊ปทัวร์จีนเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันกลุ่มทัวร์ลดลง แต่มีการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเที่ยวเอง (เอฟไอที) หรือมาแบบครอบครัวเพิ่มขึ้น ไทยควรพัฒนาสินค้าและบริการแบบลักชัวรี หรือซูเปอร์ลักชัวรี เพื่อดึงกำลังซื้อกลุ่มคนจีนที่มีรายได้สูง
นางจาง ซิน หง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน (CNTA) ประจำประเทศไทย กล่าวว่า กรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน ได้แก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบ ห้ามไม่ให้บริษัทท่องเที่ยวของจีนขายทัวร์ในราคาตํ่า หรือไม่สมเหตุผล มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 รวมถึงให้การอบรมนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในไทยต้องปฏิบัติตามขนบประเพณี และกฎหมายไทย เพื่อปรับปรุงตลาดการท่องเที่ยว
ทั้งองค์กรการวิจัยของไทยควรศึกษาและวิจัยพฤติกรรมการท่องเที่ยวของจีน ที่มาเที่ยวส่วนตัวเกือบ 5 ล้านคน และจะเสนอผลิตภัณฑ์หรือสินค้าอะไรให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ส่วนกรุ๊ปทัวร์ก็ควรจัดอบรมให้กับมัคคุเทศก์ เพื่อให้ไปเสนอขายสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แนะนำสินค้าไทยที่มีมูลค่าเพิ่ม
อีกทั้งการท่องเที่ยวของไทย ต้องตามให้ทันกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ในแง่โครงสร้างพื้นฐานในไทยที่ต้องรองรับให้ได้ เพราะจากนี้ไปนักท่องเที่ยวจีนที่เข้าไทยจะไม่ได้มีแค่ผู้ที่มีกำลังซื้อน้อย แต่จะมีตั้งแต่ในระดับปานกลางขึ้นไป การบริการต้องสร้างความประทับใจให้เสมอต้นเสมอปลาย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,306 วันที่ 19 - 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560
