“หุ้นโลจิสติกส์” มาแรง! นักลงทุนสถาบันชอบ-สหไทยฯ ขายไอพีโอให้ 50%

“สหไทย เทอร์มินอล” ส่งบริษัทเข้า mai เดือน พ.ย. นี้ รอช้าไม่ได้ โอกาสทองของธุรกิจมาแล้ว คนจองหุ้นได้รับผลประโยชน์เต็ม ๆ จากหลายโครงการลงทุนที่ผ่านมา “พริมา” โวลุ่มสูงติดอันดับ 1 หลายวัน นักลงทุนทุกระดับเชื่อมั่นอนาคตเติบโต

บริษัทที่ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ให้ความสนใจระดมเงินผ่านตลาดทุนมากขึ้นอย่างชัดเจน ในปี 2560 ล่าสุด บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT ผู้ให้บริการท่าเรือเอกชนครบวงจรรายใหญ่ของประเทศไทย เตรียมเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 120 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท และนำเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ภายในเดือน พ.ย. นี้ ซึ่งคาดว่า จะประสบความสำเร็จสูงเหมือน บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ผู้นำด้านบริการขนส่งและจัดเก็บสินค้าทางเรืออย่างครบวงจร และบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้นำในการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา

นายบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอลฯ เปิดเผยว่า บริษัทมีทุนจดทะเบียน 230 ล้านบาท เรียกชำระแล้ว 170 ล้านบาท ต้องเข้า mai เพราะรอไม่ได้ บริษัทต้องการใช้เงินทุนค่อนข้างสูงในการลงทุนท่าเทียบเรือ ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จเปิดให้บริการในปีหน้า

ขณะเดียวกัน ธุรกิจโลจิสติกส์จะมีโอกาสเติบโตขึ้นอีกมา โดยเฉพาะการเกิดโครงการ EEC ท่าเรือของบริษัทตั้งอยู่ใน อ.ปู่เจ้าสมิงพราย สามารถเชื่อมต่อแหลมฉบังได้ รวมถึงการส่งออกและเศรษฐกิจที่เติบโตด้วย




“เรามีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากการให้บริการ One Stop Service และท่าเรือของเราปลอดอากร ลูกค้าฝากสินค้าในคลังสินค้าได้นาน ไม่ต้องรีบจ่ายภาษีเอาของออกจากท่าเรือ บริหารสภาพคล่องง่ายขึ้น ส่วนการหาลูกค้า เราวิ่งเข้าหาลูกค้าเอง ไม่ได้รอ พร้อมใช้กลยุทธ์ทำให้คู่แข่งมาเป็นลูกค้า และพัฒนาลูกค้าให้มาเป็นพาร์ตเนอร์ ขณะเดียวกัน แนวโน้มการใช้ตู้คอนเทนเนอร์มากขึ้นแทนการเทกอง การขนส่งทางเรือก็ได้รับความนิยมมากขึ้น มีต้นทุนต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับช่องทางอื่น ๆ” นายบัญชัย กล่าว

รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะดีกว่าปีก่อน และครึ่งปีหลังจะดีกว่า 6 เดือนแรก เนื่องจากคลังสินค้าที่เปิดให้บริการมีลูกค้าใหม่ที่เป็นค่ายรถยนต์ ทั้งในปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิ 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท และ 36 ล้านบาท ในปี 2558 และ 2557 ตามลำดับ ส่วนแผนการใช้เงินไอพีโอ นอกจากนำไปขยายการลงทุนแล้วยังเตรียมไว้ชำระคืนหนี้ด้วย

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า หุ้นไอพีโอของ PORT คาดว่า จะเสนอขายนักลงทุนสถาบันไทย 50% เท่ากับรายย่อย เนื่องจากสถาบันให้ความสนใจสูงมาก แม้ PORT จะเข้า mai เพราะบริษัทมีศักยภาพสูง มีรายได้ประจำประมาณ 70% จากธุรกิจท่าเรือ และคลังสินค้าที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือน พ.ค. ในปีหน้า รับรู้เต็มปี ธุรกิจนี้สร้างกำไรหลังหักภาษี ประมาณ 20 ล้านบาท/ปี นักลงทุนที่ซื้อหุ้นไอพีโอจะเก็บเกี่ยวกำไรจากเงินลงทุนส่วนนี้ด้วย



สำหรับความสำเร็จของหุ้น PRM เห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายสูง บางวันติดอันดับ 1 และราคาหุ้นขึ้นทะลุ 12 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 50% เมื่อเทียบกับราคาไอพีโอที่ 8 บาท

นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า มั่นใจในพื้นฐานธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต ขณะที่ การลงทุนปีหน้าตั้งงบไว้กว่า 1 หมื่นล้านบาท ซื้อเรือจำนวน 10 ลำ ส่วนรายได้ตั้งเป้าโต 11-12% ปีนี้น่าจะขยายตัว 10% ส่วนกำไรยังไม่แน่นอน เพราะกำลังหารือเรื่องการบันทึกค่าเรือจะใช้เกณฑ์อะไรในการตีราคาเหล็ก

“ขอบคุณนักลงทุนที่เชื่อมั่นในสิ่งที่เราเสนอ ตอนเข้าตลาด เรามีผู้ถือหุ้นทั้งหมด 6,700 ราย วันที่ปิดสมุดทะเบียน 27 ก.ย. ผู้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 9,000 ราย เป็นนักลงทุนสถาบันถึง 60% อีก 40% เป็นรายย่อย ตอนนี้มีทั้งรายใหญ่และนักวิเคราะห์มาพบมาถามข้อมูลบ่อยมาก” นายชาญวิทย์ กล่าว

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,305 วันที่ 15-18 ต.ค. 2560