ผ่ายอดขายรถไตรมาส3 ตลาดโต-พีพีวีร่วง
ปิดไตรมาส 3 ขายรถโต 11.5% พี่ใหญ่ “โตโยต้า” ยังซึม แต่ยังหวังเซ็กเมนต์รถยนต์นั่งจะกู้หน้าด้านมาสด้า-ฟอร์ด ยอดโตต่อเนื่อง มั่นใจสิ้นปีเข้าเป้า พร้อมประเมินไตรมาส 4 แข่งดุ ทั้งเปิดตัวรถใหม่-แคมเปญลดแลกแจกแถม คาดยอดขายรวมทะลุ 8.2 แสนคัน
ยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยตั้งแต่ เดือนมกราคม-กันยายน 2560 ยังมีทิศทางที่เติบโต โดยตัวเลขจากหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ รายงานว่ามียอดขายทั้งสิ้น 620,620 คัน เพิ่มขึ้น 11.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่ทำได้ 556,525 คัน ส่วนเซ็กเมนต์ที่มีอัตราการเติบโต คือ ปิกอัพ, บี-คาร์และอีโคคาร์,เอสยูวี และ ซี-คาร์ ขณะที่เซ็กเมนต์ที่หดตัวคือพีพีวี และ ดี-คาร์
สำหรับเซ็กเมนต์ที่เติบโตอย่างรถปิกอัพ มียอดขาย 262,169 คัน เพิ่มขึ้น 10.5% , ซี-คาร์ 41,353 คัน เพิ่มขึ้น14.7%, เอสยูวี 37,596 คัน เพิ่มขึ้น 1.6 %,บี-คาร์และอีโคคาร์ 174,186 คัน เพิ่มขึ้น 23. 4% ส่วนกลุ่มที่ยอดขายหดตัวลง คือ ดี-คาร์ 6,843 คัน ลดลง 25.9% และ พีพีวี 40,958 คัน ลดลง 9.8%
เมื่อแบ่งยอดขายออกเป็นค่ายต่างๆ พบว่า โตโยต้า 165,713 คัน ลดลง 4.0%, อีซูซุ 118,804 คัน เพิ่มขึ้น 13.9% , ฮอนด้า 93,271 คัน เพิ่มขึ้น 14.4%, มิตซูบิชิ 48,775 คัน เพิ่มขึ้น 20.9%, นิสสัน 42,604 คัน เพิ่มขึ้น 38.2%, ฟอร์ด 39,508 คัน เพิ่มขึ้น 36.7%, มาสด้า 36,621 คัน เพิ่มขึ้น 15.2%, ซูซูกิ 17,515 คัน เพิ่มขึ้น 7.4 และ เชฟโรเลต 13,020 คัน เพิ่มขึ้น 25.6%
เรียกว่าเติบโตทุกค่าย... ยกเว้นพี่ใหญ่อย่างโตโยต้าที่ลดลง อย่างไรก็ดีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้า ยาริส เอทีฟ และ โตโยต้า ยาริส ไมเนอร์เชนจ์ ต่างก็เป็นความหวังที่จะมาช่วยกู้หน้า โดยยาริส เอทีฟ มียอดขาย 2 เดือน(สิงหาคม-กันยายน)สะสมแล้วกว่า 4,393 คัน
แผนกู้ยอดที่โตโยต้าต้องทำการบ้านอย่างหนักอีกอย่าง คือรถในกลุ่มพีพีวี อย่างโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่แม้จะรั้งตำแหน่งอันดับ 1 ด้วยจำนวน 14,854 คัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายในปีที่ผ่านมาของช่วงเดียวกันจะพบว่าลดลงไปกว่า 29.1% ส่วนอีกค่ายที่ต้องงัดแผนมาสู้เหมือนกันคือ มิตซูบิชิ ที่ยอดขายของ ปาเจโร สปอร์ต ลดลง 18.0% หรือทำได้ 10,141 คัน
ส่วนค่ายที่ตัวเลขบวกในเซ็กเมนต์พีพีวีนั้น เริ่มตั้งแต่ อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ทำได้ 9,298 คัน เพิ่มขึ้น 53.6% ส่วนฟอร์ด เอเวอเรสต์ ก็ยังแรงต่อเนื่อง ด้วยยอด 5,748 คัน เพิ่มขึ้น 11.3 % และค่ายมะกันที่ตัวเลขเริ่มขยับคือ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ 914 คัน เพิ่มขึ้น 6.7%
อีกหนึ่งเซ็กเมนต์ที่คาดว่าจะคึกคักอย่างมากในช่วงปลายปีคือ เอสยูวี หรือกลุ่มอเนกประสงค์ที่หลายค่ายเตรียมเปิดตัวออกสู่ตลาด เริ่มตั้งแต่มาสด้า ที่จะส่งซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ,ซูบารุ เอ็กซ์วี, เอ็มจี แซดเอส นอกจากนั้นแล้วยังมีความเคลื่อนไหวในเซ็กเมนต์อื่นๆอีกหลายรุ่นที่ต้องจับตามอง เช่นเดียวกับกลยุทธ์การตลาดผ่านแคมเปญ ข้อเสนอสินเชื่อทางการเงินต่างๆ คาดว่าทั้งหมดนี้จะส่งให้การแข่งขันในช่วง 2 เดือนที่เหลือดุเดือดไม่น้อย
แนวโน้มการแข่งขันที่เกิดขึ้น และสัญญาณตลาดที่บวก ทำให้แต่ละค่ายรถมั่นใจว่าจะไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ โดยนายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่าตลาดรวมรถยนต์ปีนี้จะอยู่ที่ 8.2 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7-10% ขณะที่เป้าหมายของมาสด้านั้นวางไว้ที่ 5.1 หมื่นคัน หรือเพิ่มขึ้น 20%
“ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายยังคงขยายตัว โดยมีปัจจัยบวกไม่ว่าจะเป็น นักท่องเที่ยวทั้งจากในประเทศและต่างชาติที่จะเดินทางและจับจ่ายใช้สอย ขณะที่ตลาดส่งออกมีสัญญาณที่เติบโต การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณคงค้าง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงนโยบายทางเศรษฐกิจของภาครัฐ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งทั้งหมดจะมีผลกระตุ้นให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้”
ความมั่นใจของมาสด้าที่จะไปสู่เป้าหมายนั้น ในส่วนของกลยุทธ์การตลาดในช่วง 2 เดือนที่เหลือ คือการเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ อย่าง ซีเอ็กซ์-5 เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถอเนกประสงค์เอสยูวี นอกจากนั้นแล้วยังมีการนำเสนอแคมเปญหรือข้อเสนอทางการเงิน อาทิ ดอกเบี้ยตํ่าสุด 0% และผ่อนนานถึง 6 ปี ในรุ่น ซีเอ็กซ์-5 หรือ ดอกเบี้ย 2.15% ในรุ่น มาสด้า 2 และมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ส่วนมาสด้า 3 ดอกเบี้ย 1.99%
“เรามั่นใจว่ากลยุทธ์ทางการตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะทำให้เราโกยยอดขายได้ตามเป้าหมาย ทั้งการส่งรถใหม่ การสื่อสารตลาด”นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและว่า
ขณะที่อีกค่ายที่มีการเติบโตสูงคือฟอร์ด โดยนายณรงค์ สีตลายน รองกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ความต้องการของฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะเป็นฤดูฝน หรือช่วงโลว์ซีซัน แต่รถทั้ง 2 รุ่นล้วนแล้วแต่ช่วยเน้นยํ้าให้เห็นถึงสมรรถนะ และการใช้งานได้จริง
“เรายังคงเดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเราเตรียมจะเปิดตัวโชว์รูมใหม่อีก 11 แห่งเร็วๆนี้”
…คาดว่า 2 เดือนที่เหลือของปี 2560 อุณหภูมิของตลาดรถยนต์คงจะร้อนเป็นไฟ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,305 วันที่ 15 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยตั้งแต่ เดือนมกราคม-กันยายน 2560 ยังมีทิศทางที่เติบโต โดยตัวเลขจากหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ รายงานว่ามียอดขายทั้งสิ้น 620,620 คัน เพิ่มขึ้น 11.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่ทำได้ 556,525 คัน ส่วนเซ็กเมนต์ที่มีอัตราการเติบโต คือ ปิกอัพ, บี-คาร์และอีโคคาร์,เอสยูวี และ ซี-คาร์ ขณะที่เซ็กเมนต์ที่หดตัวคือพีพีวี และ ดี-คาร์
สำหรับเซ็กเมนต์ที่เติบโตอย่างรถปิกอัพ มียอดขาย 262,169 คัน เพิ่มขึ้น 10.5% , ซี-คาร์ 41,353 คัน เพิ่มขึ้น14.7%, เอสยูวี 37,596 คัน เพิ่มขึ้น 1.6 %,บี-คาร์และอีโคคาร์ 174,186 คัน เพิ่มขึ้น 23. 4% ส่วนกลุ่มที่ยอดขายหดตัวลง คือ ดี-คาร์ 6,843 คัน ลดลง 25.9% และ พีพีวี 40,958 คัน ลดลง 9.8%
เมื่อแบ่งยอดขายออกเป็นค่ายต่างๆ พบว่า โตโยต้า 165,713 คัน ลดลง 4.0%, อีซูซุ 118,804 คัน เพิ่มขึ้น 13.9% , ฮอนด้า 93,271 คัน เพิ่มขึ้น 14.4%, มิตซูบิชิ 48,775 คัน เพิ่มขึ้น 20.9%, นิสสัน 42,604 คัน เพิ่มขึ้น 38.2%, ฟอร์ด 39,508 คัน เพิ่มขึ้น 36.7%, มาสด้า 36,621 คัน เพิ่มขึ้น 15.2%, ซูซูกิ 17,515 คัน เพิ่มขึ้น 7.4 และ เชฟโรเลต 13,020 คัน เพิ่มขึ้น 25.6%
แผนกู้ยอดที่โตโยต้าต้องทำการบ้านอย่างหนักอีกอย่าง คือรถในกลุ่มพีพีวี อย่างโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่แม้จะรั้งตำแหน่งอันดับ 1 ด้วยจำนวน 14,854 คัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายในปีที่ผ่านมาของช่วงเดียวกันจะพบว่าลดลงไปกว่า 29.1% ส่วนอีกค่ายที่ต้องงัดแผนมาสู้เหมือนกันคือ มิตซูบิชิ ที่ยอดขายของ ปาเจโร สปอร์ต ลดลง 18.0% หรือทำได้ 10,141 คัน
ส่วนค่ายที่ตัวเลขบวกในเซ็กเมนต์พีพีวีนั้น เริ่มตั้งแต่ อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ทำได้ 9,298 คัน เพิ่มขึ้น 53.6% ส่วนฟอร์ด เอเวอเรสต์ ก็ยังแรงต่อเนื่อง ด้วยยอด 5,748 คัน เพิ่มขึ้น 11.3 % และค่ายมะกันที่ตัวเลขเริ่มขยับคือ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ 914 คัน เพิ่มขึ้น 6.7%
อีกหนึ่งเซ็กเมนต์ที่คาดว่าจะคึกคักอย่างมากในช่วงปลายปีคือ เอสยูวี หรือกลุ่มอเนกประสงค์ที่หลายค่ายเตรียมเปิดตัวออกสู่ตลาด เริ่มตั้งแต่มาสด้า ที่จะส่งซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ,ซูบารุ เอ็กซ์วี, เอ็มจี แซดเอส นอกจากนั้นแล้วยังมีความเคลื่อนไหวในเซ็กเมนต์อื่นๆอีกหลายรุ่นที่ต้องจับตามอง เช่นเดียวกับกลยุทธ์การตลาดผ่านแคมเปญ ข้อเสนอสินเชื่อทางการเงินต่างๆ คาดว่าทั้งหมดนี้จะส่งให้การแข่งขันในช่วง 2 เดือนที่เหลือดุเดือดไม่น้อย
แนวโน้มการแข่งขันที่เกิดขึ้น และสัญญาณตลาดที่บวก ทำให้แต่ละค่ายรถมั่นใจว่าจะไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ โดยนายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่าตลาดรวมรถยนต์ปีนี้จะอยู่ที่ 8.2 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7-10% ขณะที่เป้าหมายของมาสด้านั้นวางไว้ที่ 5.1 หมื่นคัน หรือเพิ่มขึ้น 20%
ความมั่นใจของมาสด้าที่จะไปสู่เป้าหมายนั้น ในส่วนของกลยุทธ์การตลาดในช่วง 2 เดือนที่เหลือ คือการเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ อย่าง ซีเอ็กซ์-5 เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถอเนกประสงค์เอสยูวี นอกจากนั้นแล้วยังมีการนำเสนอแคมเปญหรือข้อเสนอทางการเงิน อาทิ ดอกเบี้ยตํ่าสุด 0% และผ่อนนานถึง 6 ปี ในรุ่น ซีเอ็กซ์-5 หรือ ดอกเบี้ย 2.15% ในรุ่น มาสด้า 2 และมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ส่วนมาสด้า 3 ดอกเบี้ย 1.99%
“เรามั่นใจว่ากลยุทธ์ทางการตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะทำให้เราโกยยอดขายได้ตามเป้าหมาย ทั้งการส่งรถใหม่ การสื่อสารตลาด”นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและว่า
ขณะที่อีกค่ายที่มีการเติบโตสูงคือฟอร์ด โดยนายณรงค์ สีตลายน รองกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ความต้องการของฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะเป็นฤดูฝน หรือช่วงโลว์ซีซัน แต่รถทั้ง 2 รุ่นล้วนแล้วแต่ช่วยเน้นยํ้าให้เห็นถึงสมรรถนะ และการใช้งานได้จริง
“เรายังคงเดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเราเตรียมจะเปิดตัวโชว์รูมใหม่อีก 11 แห่งเร็วๆนี้”
…คาดว่า 2 เดือนที่เหลือของปี 2560 อุณหภูมิของตลาดรถยนต์คงจะร้อนเป็นไฟ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,305 วันที่ 15 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560
