…เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า ราชอาณาจักรนั้นเปรียบเสมือนพีระมิด มีพระมหากษัตริย์อยู่บนยอดและมีราษฎรอยู่เบื้องล่าง แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนจะตรงกันข้าม นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องปวดคอ และบริเวณไหล่อยู่เสมอ...
พระราชทานสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว
นิตยสารเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕
พระราชกรณียกิจที่ทรงใช้เวลามากที่สุด คือ การเสด็จฯ ไปเยี่ยมเยือนราษฎรทุกหมู่เหล่าทั่วทุกหนแห่งของประเทศ ด้วยทรงถือว่า
“...ทุกข์ สุข ของราษฎร คือ ทุกข์ สุข ของพระองค์ท่านเอง...” หนึ่งห้วงแห่งความรู้สึกที่บรรยายออกมาจากเส้นเสียงของหัวใจ ผ่านภาพถ่ายและหลักการทรงงานของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร” ของ คุณนภันต์ เสวิกุล ที่ปรึกษาหน่วยพิพิธภัณฑ์ศิริราชและอดีตช่างภาพที่ได้ตามเสด็จฯ พระองค์ท่านไปยังท้องถิ่นทุรกันดารต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติภารกิจอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและราษฎร
คุณนภันต์ เล่าให้เราฟังว่า ระยะเวลากว่า ๗-๘ ปี ที่ตนได้เป็นช่างภาพติดตาม “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” ซึ่งทุกครั้งที่ได้ถวายงาน คือ เกียรติประวัติสูงสุดของชีวิต พระองค์ท่านทรงอุทิศเวลาเพื่อขจัดทุกข์บำรุงสุขให้ราษฎรด้วยพระอัจฉริยภาพ โดยไม่ทรงคำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยในพระวรกายของพระองค์ท่านแม้แต่น้อย พระองค์ท่านทรงแสดงให้เห็นถึงความเป็นบุคคลที่สัมผัสได้ เข้าใกล้ได้ อย่างไม่ถือพระองค์ และบ่อยครั้งที่พระองค์ทรงงานจะนั่งลงกับพื้น เพื่อสัมผัสถึงความร้อนของพื้นดิน ทำให้อุณหภูมิในดวงใจของพสกนิกรชาวไทยตลอดระยะเวลากว่า ๖๐ ปีที่ผ่านมา รู้สึกอบอุ่น มีความสุข สงบ ซาบซึ้ง และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นบนกรอบพื้นฐาน “ความพอเพียง”
พระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงความเป็นบุคคลที่สัมผัสได้ เข้าใกล้ได้ อย่างไม่ถือพระองค์ และบ่อยครั้งที่พระองค์ทรงงานจะนั่งลงกับพื้นนี้ เพื่อสัมผัสถึงความร้อนของพื้นดิน ทำให้อุณหภูมิในดวงใจของพสกนิกรชาวไทยตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่ผ่านมา รู้สึกอบอุ่น มีความสุข สงบ ซาบซึ้ง และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บนกรอบพื้นฐาน
“ความพอเพียง”
เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ “พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรี” คณะแพทยศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล โดยหน่วยพิพิธภัณฑ์ศิริราช ร่วมกันระเบิดจากข้างในเพื่อตกผลึกสู่การจัดนิทรรศการ “ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์” ซุ้มภาพถ่ายพระราชกรณียกิจ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร” จากฝีมือการถ่ายภาพของ “นภันต์ เสวิกุล”
โดยแรงบันดาลใจในการออกแบบงานแสดงศิลป์ซุ้มสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ชิ้นนี้ วางกึ่งกลางของชิ้นงานแสดงแต่ละด้านด้วย “เลข ๙ เลขประจำรัชกาล” บนแถบสีทองเหลืองนวลสวยสง่ามุ่งสร้างให้เป็นพีระมิดแบบกลับหัว โดยมีนัยที่สำคัญที่สอดคล้องกับบทพระราชทานสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวนิตยสารเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ ว่า
“...เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า ราชอาณาจักรนั้นเปรียบเสมือนพีระมิด มีพระมหากษัตริย์อยู่บนยอด และมีราษฎรอยู่เบื้องล่าง แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนจะตรงกันข้าม นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องปวดคอและบริเวณไหล่อยู่เสมอ...”
“เราตั้งใจให้ ‘ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์’ แห่งนี้ เป็นตัวแทนของประเทศไทย โดยได้ออกแบบเป็น ๔ ทิศ เลือกใช้กระจกมาเป็นวัสดุหลักในการจัดแสดงภาพถ่าย ซึ่งนอกจากจะได้เห็นภาพพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ทุกคนจะเห็นภาพและเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก เสมือนดั่งได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นจริง ๆ และสิ่งสำคัญ เราอยากให้ทุกคนสัมผัสถึง คือ การน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน และฉุกคิดอยู่เสมอว่า สิ่งที่เราทำนั้นเพียงพอ ถึงคำว่าดีที่สุดหรือยัง หากดวงตาตอบกลับมาว่า ดีแล้ว เราก็รู้สึกยินดี แต่ถ้านัยน์ตาบอกว่า ยัง เรามาช่วยกันอีกหน่อยไหม เพื่อสังคมและประเทศไทยจะได้ดีขึ้น ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่า การหมั่นทำความดีในทุกลมหายใจ นับตั้งแต่กระบวนการคิด เมื่อพระองค์ทรงทราบจากสรวงสวรรค์ พระองค์ท่านจะได้สบายใจ”
สำหรับภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่เลือกมานั้น มีจำนวน ๒๘ ภาพ จากทั่วทุกสารทิศ ยกตัวอย่างเช่น ภาพพระราชกรณียกิจการเยือนในท้องถิ่นยอดดอยต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนฝิ่นให้เป็นถิ่นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้เมืองหนาวในปัจจุบัน หรือจะเป็นทฤษฎีแกล้งดินเปลี่ยนดินให้เป็นทอง รวมทั้งน้ำพระทัยหยาดจากฟ้า โครงการพระราชดำริฝนหลวง เป็นต้น ซึ่งทุกภาพ คุณนภันต์ เสวิกุล เป็นผู้ร้อยเรียงเขียนด้วยดวงใจ จัดวางตามมุมกระจกที่ทุกคนสามารถเดินชมและบันทึกภาพเก็บไว้เป็นความทรงจำครั้งยิ่งใหญ่ในที่สุดของชีวิต
นอกจากนิทรรศการดังกล่าว ภายในพิพิธภัณฑ์ได้มีการจัดแสดงวีดิทัศน์หรือภาพยนตร์ ๔ มิติ เกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระอัจฉริยภาพของ “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” ซึ่งความอัศจรรย์ของการจัดทำภาพยนตร์ชุดนี้ เมื่อนำเอาภาพถ่ายและเพลงพระราชนิพนธ์มาวางในสไตล์ แล้วตัดต่อจนเสร็จสิ้นสุดในนาทีที่ ๙.๐๙ พอดี
ร่วมชมนิทรรศการ “ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์” โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ถึง ๓๑ ต.ค. ๒๕๖๐ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐-๑๗.๐๐ น. ซึ่งปิดทำการวันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โทร. ๐-๒๔๑๙-๒๖๑๘-๙, ๐-๒๔๑๙-๒๖๐๑
“พระราชกรณียกิจนานัปการ ภาพเหล่านั้นจะยังคงอยู่ในความทรงจำของพสกนิกรตลอดไป”
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,305 วันที่ 15-18 ต.ค. 2560