กรมศุลฯขีดเส้น1เดือน สรุปลดภาษีนำเข้ารถหรู
กรมศุลกากรเร่งสรุปภาษีนำเข้ารถยนต์ ภายใน 1 เดือน หลังผู้นำเข้ารถหรูร้อง จัดเก็บ 80% สูงเกินไป ยอมรับภาษีสรรพสามิตใหม่มีรถนำเข้าตกค้างหน้าด่าน
[caption id="attachment_218381" align="aligncenter" width="503"]
กุลิศ สมบัติศิริ[/caption]
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดี กรมศุลกากร เปิดเผยถึงการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์หรูนำเข้า ว่า ขณะนี้ยังเหลือเวลาใน 1 เดือนที่จะสรุปว่า จะลดลงเป็นอัตราเท่าใด จากปัจจุบันที่คิดในอัตรา 80% ของราคาซีไอเอฟ โดยจะหารือร่วมกับกรมสรรพสามิตและกรมสอบสวนคดพิเศษ(ดีเอสไอ)ว่า จะเป็นการปรับลดจากราคารถยนต์ต้นทาง ซึ่งสามารถหาดูได้จากรายงานประจำปีของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้อยู่แล้ว แล้วหักทอนด้วยค่าเฉลี่ยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 50% หรือ 5% ซึ่งก็ขึ้นกับหารือด้วยว่าอะไรที่จะเป็นธรรม ถูกต้องและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ
“เรามีเกณฑ์ในการประเมินระยนต์นำเข้าอยู่แล้ว โดยดูจากใบขนสินค้าขาออกจากประเทศต้นทางมาไทยว่ามีราคาเท่าไหร่ก็คิดภาษีตามนั้น ซึ่งก็มีหลายบริษัทที่สามารถนำใบขนขาออกมาให้ดูได้ แต่ก็มีหลายบริษัทเช่นกันที่ไม่สามารถนำใบขนขาออกมาแสดงได้ ทำให้เราต้องไปเปรียบเทียบราคาตามเว็บไซต์ต่างๆแล้วหักทอนด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน มาเป็นฐานในการคิดภาษี จึงเป็นที่มาของคำสั่ง 317/47”
อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์และค่าใช้จ่ายต่างๆเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ต้องปรับปรุงเกณฑ์การคิดราคาหักทอน ซึ่งหลายๆรายต้องการให้ปรับลดลง ดังนั้นจึงต้องสอบถามกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ กรมจัดเก็บภาษีในประเทศอย่างกรมสรรพสามิต เพื่อรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมดก่อนที่จะสรุปออกมา เพราะกรณีคำสั่ง 317 ที่หักทอน 43.63% สำหรับรถยนต์นำเข้าจากยุโรปและ 37% สำหรับรถยนต์นำเข้าจากญี่ปุ่น ก็ยังไม่ทราบว่า อัตราดังกล่าวมากจากอะไร
นายกุลิศ กล่าวต่อว่า ในปีงบประมาณ 2560 กรมศุลกากรสูญเสียรายได้จากการใช้สิทธิพิเศษจากข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียนในการนำเข้ารถยนต์ประมาณ 2,000 ล้านบาท เพราะอัตราภาษี 0% และตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ที่พระราชบัญญัติ ภาษีสรรพสามิตมีผลบังคับใช้ มีรถยนต์นำเข้าตกค้างที่ด่านกรมศุลฯ พอสมควร เพราะการปรับฐานภาษีจากราคาซีไอเอฟ เป็นราคาขายปลีกแนะนำ จึงทำให้ไม่สามารถนำราคาขายปลีกแนะนำมายื่นเสียภาษีด้วย รวมถึงการนำเข้าก็ชะลอลงเช่นเดียวกัน
ขณะที่นายชัยยุทธ คำคูณ รองอธิบดี กรมศุลกากรกล่าวว่า อัตราภาษีการนำเข้ารถยนต์หรูรวมทั้งหมด 328% ดังนั้นถ้าผู้นำเข้าสำแดงราคาศุลกากรเพื่อคิดภาษีต่ำไป 1 บาท จะต้องมีภาษีที่ขาดหายไป 3.28 บาท หมายถึงเราต้องนำเงินภาษีที่เป็นของประชาชนทั้งประเทศที่จะต้องไปใช้ในการพัฒนาประเทศไปอุดหนุนให้มีการนำเข้ารถยนต์ ขณะเดียวกันรถยนต์ถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะรถหรู จะอยู่ในกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวยเท่านั้น การคิดอัตราภาษีสูง อาจทำให้การนำเข้าลดลงและกระทบต่อเม็ดเงินภาษี แต่ก็สามารถประหยัดเงินตราต่างประเทศและนำเงินไปใช้ในด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้มากกว่า
[caption id="attachment_218381" align="aligncenter" width="503"]
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดี กรมศุลกากร เปิดเผยถึงการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์หรูนำเข้า ว่า ขณะนี้ยังเหลือเวลาใน 1 เดือนที่จะสรุปว่า จะลดลงเป็นอัตราเท่าใด จากปัจจุบันที่คิดในอัตรา 80% ของราคาซีไอเอฟ โดยจะหารือร่วมกับกรมสรรพสามิตและกรมสอบสวนคดพิเศษ(ดีเอสไอ)ว่า จะเป็นการปรับลดจากราคารถยนต์ต้นทาง ซึ่งสามารถหาดูได้จากรายงานประจำปีของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้อยู่แล้ว แล้วหักทอนด้วยค่าเฉลี่ยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 50% หรือ 5% ซึ่งก็ขึ้นกับหารือด้วยว่าอะไรที่จะเป็นธรรม ถูกต้องและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ
“เรามีเกณฑ์ในการประเมินระยนต์นำเข้าอยู่แล้ว โดยดูจากใบขนสินค้าขาออกจากประเทศต้นทางมาไทยว่ามีราคาเท่าไหร่ก็คิดภาษีตามนั้น ซึ่งก็มีหลายบริษัทที่สามารถนำใบขนขาออกมาให้ดูได้ แต่ก็มีหลายบริษัทเช่นกันที่ไม่สามารถนำใบขนขาออกมาแสดงได้ ทำให้เราต้องไปเปรียบเทียบราคาตามเว็บไซต์ต่างๆแล้วหักทอนด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน มาเป็นฐานในการคิดภาษี จึงเป็นที่มาของคำสั่ง 317/47”
ขณะที่นายชัยยุทธ คำคูณ รองอธิบดี กรมศุลกากรกล่าวว่า อัตราภาษีการนำเข้ารถยนต์หรูรวมทั้งหมด 328% ดังนั้นถ้าผู้นำเข้าสำแดงราคาศุลกากรเพื่อคิดภาษีต่ำไป 1 บาท จะต้องมีภาษีที่ขาดหายไป 3.28 บาท หมายถึงเราต้องนำเงินภาษีที่เป็นของประชาชนทั้งประเทศที่จะต้องไปใช้ในการพัฒนาประเทศไปอุดหนุนให้มีการนำเข้ารถยนต์ ขณะเดียวกันรถยนต์ถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะรถหรู จะอยู่ในกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวยเท่านั้น การคิดอัตราภาษีสูง อาจทำให้การนำเข้าลดลงและกระทบต่อเม็ดเงินภาษี แต่ก็สามารถประหยัดเงินตราต่างประเทศและนำเงินไปใช้ในด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้มากกว่า
