หั่นคอมมิสชันหุ้นแข่งดุ โบรกงัดกลยุทธ์เปิดเทรดฟรีก่อนตกลงราคาดูดลูกค้า
ธุรกิจนายหน้าค้าหุ้นเหนื่อยอีกรอบ งัดกลยุทธ์สงครามราคาแข่งเดือด พบแหกคอกเปิดเทรดฟรี 1 เดือน ดูผลงานลูกค้าก่อนสรุปค่าคอมมิสชัน บางบริษัทเก็บสถาบันต่างชาติจิ๊บจ๊อย หนุนโวลุ่มบูม หยวนต้าขึ้นนำเดือนตุลาคม
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ กล่าวว่า ขณะนี้ ภาวะการตัดราคาค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์หรือคอมมิสชัน กลับมาดุเดือดอีกครั้ง รอบนี้มีการลดค่าคอมมิสชันรุนแรงมาก บริษัทบางแห่งยอมที่จะให้ลูกค้าซื้อขายเพียง 1 เดือน เพื่อที่จะกำหนดอัตราค่าคอมมิสชัน โดยมีการเจรจาต่อรองบนข้อมูลของมูลค่าการซื้อขายในเดือนที่เทรดฟรี สำหรับลูกค้ารายพิเศษ ก็จะคิดเพียง 500 บาทต่อการซื้อขายมูลค่า 1 ล้านบาท
นอกจากนั้นบริษัทหลักทรัพย์ลูกครึ่งอีกรายหนึ่ง มีโปรแกรมให้ลูกค้าเทรดส่งออร์เดอร์ตรงเข้าตลาด โดยเฉพาะสถาบันต่างประเทศ ค่าคอมมิสชัน 100-200 บาท สำหรับการซื้อขาย 1 ล้านบาท
“ถ้าหากปล่อยให้โบรกเกอร์ลูกครึ่ง คิดค่าคอมมิสชันกันตํ่าขนาดนี้ สถานการณ์ของอุตสาหกรรมคงจะตกตํ่าเหมือนกับสมัยที่ จ่ายผลตอบแทนมาร์เก็ตติ้งเสรี ต้องติดตามดูว่าจะมีบริษัทขาดทุนกี่แห่ง โดยเฉพาะบริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดไม่ถึง 1%” แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวจากตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)หยวนต้า (ประเทศไทย)ฯ ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นโบรกเกอร์ที่มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สูงสุดในเดือนตุลาคม 2560 คิดเป็นสัดส่วน 6.35% ถือว่าเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนิน งานที่ผ่านมา เช่น ในเดือนกรกฎาคมมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 2.14% อยู่อันดับที่ 22 เดือนสิงหาคม ดีขึ้นมาอยู่อันดับที่ 15 ส่วนแบ่ง 2.80% และเดือนกันยายน ขึ้นมาติดอันดับที่ 4 ส่วนแบ่งตลาด 5.18%
“บล.หยวนต้าฯ เป็นบริษัทลูกของบริษัทหลักทรัพย์ใหญ่อันดับที่ 1 จากประเทศไต้หวัน ขึ้นนำโบรกเกอร์ไทย แซงหน้าผู้นำหลายสมัย ที่มีระบบการซื้อขายที่ทันสมัยติดอันดับต้นๆของโลกได้ ภายหลังจากเพิ่งกลับเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทยอีกครั้งหนึ่งในปีนี้ จากการซื้อบริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรดฯ”
ทั้งนี้ ในเดือนตุลาคม (1-6 ) โบรกเกอร์ 5 อันดับสุดท้าย ได้แก่ บล.ไอ วี โกลบอลฯ (IVG)มีส่วนแย่งตลาด 0.14% บล.เอเอสแอลฯ (ASL) 0.49% บล.เอสบีไอ ไทยออนไลน์ฯ (SBITO) 0.54% บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ(LHS) 0.72% และบล.ไอร่าฯ (AIRA) 0.82%
นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้บล.หยวนต้าฯ มีมาร์เก็ตแชร์ เป็นอันดับ 1 ในเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา
เนื่องจากลูกค้าตอบรับการใช้ระบบของบริษัทเป็นอย่างดี ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้ซื้อขายได้ ช่วยประมวลข่าวสารและข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบสามารถวิเคราะห์ว่าจะมีผลบวกหรือลบต่อราคาหุ้นอย่างไรบ้าง โดยให้คะแนนตั้งแต่ 0-10ช่วยร่นระยะเวลาในการตัดสินใจและมีความแม่นยำสูงมากตอบโจทย์ความต้องการใช้ของลูกค้า
“โปรแกรมนี้ บล.เคเคเทรดฯ พัฒนามาแล้ว 2-3 ปี แล้วเราก็มาพัฒนาต่อ ช่วยคัดกรองข้อมูลได้เป็นอย่างนี้ และยังสามารถคาดการณ์ภาวะตลาดล่วงหน้าได้ถึง 4 วัน มีความแม่นยำค่อนข้างดี เกิน 60%” นางบุญพร กล่าว
ก่อนหน้านี้ นางบุญพรให้สัมภาษณ์ว่า คาดว่าจะมีลูกค้าเปิดบัญชีรวม 8 หมื่นบัญชีสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมีจำนวน 7 หมื่นบัญชี บริษัทเน้นลูกค้ากลุ่มพนักงานบริษัท นักลงทุนรุ่นใหม่ และปีนี้จะเปิดสาขาใหม่มากขึ้น ปัจจุบันมีสาขารวมแล้ว 33 แห่ง ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย ที่ต้องการเปิดปีนี้ 20 สาขา
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ กล่าวว่า ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา พนักงานบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียเวลท์ รวมตัวกันขับไล่นายศฤงคาร สุทัศน์ชูโต ออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเซียเวลท์ฯ ซึ่งทำหน้าที่ได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น โดยกล่าวหาเหตุขับไล่ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน และแต่งตั้งนายกรณ์ โชติจิรภาส กรรมการผู้จัดการ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,304 วันที่ 12 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ กล่าวว่า ขณะนี้ ภาวะการตัดราคาค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์หรือคอมมิสชัน กลับมาดุเดือดอีกครั้ง รอบนี้มีการลดค่าคอมมิสชันรุนแรงมาก บริษัทบางแห่งยอมที่จะให้ลูกค้าซื้อขายเพียง 1 เดือน เพื่อที่จะกำหนดอัตราค่าคอมมิสชัน โดยมีการเจรจาต่อรองบนข้อมูลของมูลค่าการซื้อขายในเดือนที่เทรดฟรี สำหรับลูกค้ารายพิเศษ ก็จะคิดเพียง 500 บาทต่อการซื้อขายมูลค่า 1 ล้านบาท
นอกจากนั้นบริษัทหลักทรัพย์ลูกครึ่งอีกรายหนึ่ง มีโปรแกรมให้ลูกค้าเทรดส่งออร์เดอร์ตรงเข้าตลาด โดยเฉพาะสถาบันต่างประเทศ ค่าคอมมิสชัน 100-200 บาท สำหรับการซื้อขาย 1 ล้านบาท
“ถ้าหากปล่อยให้โบรกเกอร์ลูกครึ่ง คิดค่าคอมมิสชันกันตํ่าขนาดนี้ สถานการณ์ของอุตสาหกรรมคงจะตกตํ่าเหมือนกับสมัยที่ จ่ายผลตอบแทนมาร์เก็ตติ้งเสรี ต้องติดตามดูว่าจะมีบริษัทขาดทุนกี่แห่ง โดยเฉพาะบริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดไม่ถึง 1%” แหล่งข่าวกล่าว
“บล.หยวนต้าฯ เป็นบริษัทลูกของบริษัทหลักทรัพย์ใหญ่อันดับที่ 1 จากประเทศไต้หวัน ขึ้นนำโบรกเกอร์ไทย แซงหน้าผู้นำหลายสมัย ที่มีระบบการซื้อขายที่ทันสมัยติดอันดับต้นๆของโลกได้ ภายหลังจากเพิ่งกลับเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทยอีกครั้งหนึ่งในปีนี้ จากการซื้อบริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรดฯ”
ทั้งนี้ ในเดือนตุลาคม (1-6 ) โบรกเกอร์ 5 อันดับสุดท้าย ได้แก่ บล.ไอ วี โกลบอลฯ (IVG)มีส่วนแย่งตลาด 0.14% บล.เอเอสแอลฯ (ASL) 0.49% บล.เอสบีไอ ไทยออนไลน์ฯ (SBITO) 0.54% บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ(LHS) 0.72% และบล.ไอร่าฯ (AIRA) 0.82%
เนื่องจากลูกค้าตอบรับการใช้ระบบของบริษัทเป็นอย่างดี ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้ซื้อขายได้ ช่วยประมวลข่าวสารและข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบสามารถวิเคราะห์ว่าจะมีผลบวกหรือลบต่อราคาหุ้นอย่างไรบ้าง โดยให้คะแนนตั้งแต่ 0-10ช่วยร่นระยะเวลาในการตัดสินใจและมีความแม่นยำสูงมากตอบโจทย์ความต้องการใช้ของลูกค้า
“โปรแกรมนี้ บล.เคเคเทรดฯ พัฒนามาแล้ว 2-3 ปี แล้วเราก็มาพัฒนาต่อ ช่วยคัดกรองข้อมูลได้เป็นอย่างนี้ และยังสามารถคาดการณ์ภาวะตลาดล่วงหน้าได้ถึง 4 วัน มีความแม่นยำค่อนข้างดี เกิน 60%” นางบุญพร กล่าว
ก่อนหน้านี้ นางบุญพรให้สัมภาษณ์ว่า คาดว่าจะมีลูกค้าเปิดบัญชีรวม 8 หมื่นบัญชีสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมีจำนวน 7 หมื่นบัญชี บริษัทเน้นลูกค้ากลุ่มพนักงานบริษัท นักลงทุนรุ่นใหม่ และปีนี้จะเปิดสาขาใหม่มากขึ้น ปัจจุบันมีสาขารวมแล้ว 33 แห่ง ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย ที่ต้องการเปิดปีนี้ 20 สาขา
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ กล่าวว่า ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา พนักงานบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียเวลท์ รวมตัวกันขับไล่นายศฤงคาร สุทัศน์ชูโต ออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเซียเวลท์ฯ ซึ่งทำหน้าที่ได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น โดยกล่าวหาเหตุขับไล่ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน และแต่งตั้งนายกรณ์ โชติจิรภาส กรรมการผู้จัดการ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,304 วันที่ 12 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560
