หุ่นยนต์-ระบบอัตโนมัติมาแรง เอกชน8รายใหญ่ยื่นขอบีโอไอลงทุน2หมื่นล้าน

14 ต.ค. 2560 | 11:38 น.
เอกชนแห่ขอรับส่งเสริมการลงทุน ปรับเปลี่ยนมาใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ หลังครม.ไฟเขียวมาตรการส่งเสริม 8 รายใหญ่นำร่องเงินลงทุน 2 หมื่นล้านบาท หนุนอีอีซีให้เกิดเป็นรูปธรรม ด้าน WHA คาดพื้นที่เขตส่งเสริมพิเศษคลอดต้นปีหน้ารองรับการลงทุนได้

จากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมาโดยมีทั้งมาตรการด้านการสร้างตลาด การส่งเสริมในรูปแบบต่างๆ เพื่อจูงใจให้เกิดการผลิตหุ่นยนต์และนำระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้มากขึ้น และเป็นการยกระดับและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย ไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยตั้งเป้าหมายให้เกิดการผลิตและการใช้ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซีนำร่อง

ล่าสุดได้มีผู้ประกอบการจำนวน 8 ราย เงินลงทุนมูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท ได้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอแล้ว เพื่อที่จะลงทุนปรับปรุงกระบวนการผลิตโดยใช้ระบบอัตโนมัติ

นายชิต เหล่าวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(สกรศ.) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ถือเป็น1ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการให้เกิดการลงทุนในพื้นที่อีอีซี เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศและนำไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ตามที่วางไว้ได้

tp11-3304-a ทั้งนี้ จากมาตรการส่งเสริมที่ออกมาพบว่า มีผู้ประกอบการให้ความสนใจที่จะลงทุนในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตมาใช้ระบบอัตโนมัติเป็นจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดทราบว่ามีบริษัทที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนกับบีโอไอแล้วจำนวน 8 ราย คิดเป็นมูลค่าลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทเช่นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามซีเมนต์กรุ๊ปฯ เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) บริษัทเอชวีฯ และบริษัทยาวาต้าฯ เป็นต้น ซึ่งหลังจากบีโอไออนุมัติส่งเสริมการลงทุนในปีนี้แล้ว คาดว่าจะเกิดการลงทุนจริงได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

“ที่ผ่านมาได้มีการสำรวจผู้ประกอบการจำนวน 512 ราย ที่คัดเลือกมาจาก 4 แสนราย พบว่า 85% ยังใช้กระบวนการผลิตแบบเดิมๆ และในส่วนนี้เป็นบริษัทใหญ่ถึง 47% หากไม่ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตไปใช้ระบบอัตโนมัติภายใน 3 ปี จะไม่สามารถแข่งขันได้ ขณะที่ประเทศไทยต้องนำเข้าหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติถึงปีละ 2 แสนล้านบาท ดังนั้น หากอุตสาหกรรมต่างๆ ทยอยเปลี่ยนมาใช้หุ่นยานยนต์และระบบอัตโนมัติได้ทั้งหมดได้ในระยะเวลา 4-5ปี จะช่วยให้เกิดการลงทุนในด้านนี้ตกปีละประมาณ 1 แสนล้านบาท”

[caption id="attachment_137709" align="aligncenter" width="503"]  จรีพร จารุกรสกุล จรีพร จารุกรสกุล[/caption]

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า จากมาตรการส่งเสริมการพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่ออกมาทำให้ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชทั้งในจังหวัดชลบุรีและระยองราว 800 บริษัท มีการตื่นตัวค่อนข้างมากที่จะนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิต โดยในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จะลงพื้นที่นิคมเพื่อชี้แจงนโยบายแก่นักลงทุนราว 400 ราย เพื่อให้เกิดความมั่นใจอีกครั้ง ซึ่งบริษัทเองได้ยื่นขอส่งเสริมบีโอไอในการทำระบบอัตโนมัติไปแล้วลงทุนประมาณ 4-5พันล้านบาท

ส่วนการเตรียมพื้นที่สำหรับรับการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวขณะนี้บริษัทได้ยื่นพื้นที่นิคมฯเหมราช จังหวัดระยอง พื้นที่ราว 1,860 ไร่ ขอเป็นเขตส่งเสริมพิเศษ ตามพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกแล้ว คาดว่าจะเปิดรับนักลงทุนได้ต้นปีหน้า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,304 วันที่ 12 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว