‘ฮาบิแทท’ลุ้น3ปีรายได้หมื่นล. จ่อผุด5โครงการใหม่ผ่านโมเดล Lifestyle Investments

14 ต.ค. 2560 | 11:03 น.
ฮาบิแททกางแผนธุรกิจ มั่นใจ 3 ปี รายได้แตะ หมื่นล้าน ชูโมเดล Lifestyle Investments เรียกลูกค้านักลงทุน พร้อมขยายไลน์สู่ตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ ผุดโครงการใหม่ 4-5 โปรเจ็กต์มูลค่าโครงการละ 700-800 ล้าน เผยแผน 3-5 ปี ยังโฟกัสเรสซิเดนซ์ และเพิ่มช่องทางการขายสู่นักลงทุนจีน

รูปประกอบข่าวมิติใหม่ (1) นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฮาบิแทท กรุ๊ป เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่บริษัทนำโมเดลธุรกิจ Lifestyle Investments หรือการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนมาใช้ ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ 5 โครงการที่เปิดขายแล้ว มียอดขายสูง และบางโครงการปิดการขายไปแล้ว ได้แก่ โครงการครอสทู พัทยา โอเชียน เฟียร์ โครงการเบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา และโครงการบลูเฟียร์ พัทยา แมเนจ บาย เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ คอลเลกชัน โดยสามารถปิดยอดการขายทุกโครงการรวมเฉลี่ยกว่า 70% และยังมีโครงการครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์ ที่สามารถปิดการขายได้ภายใน 6 เดือนแรก ซึ่งจะเปิดให้บริการในช่วงปลายปีนี้ และโครงการ เดอะวิลล์ จอมเทียน โครงการแรก ของฮาบิแทท กรุ๊ป ที่ปิดการขาย 100% ได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี

“เราฟิกซ์รีเทิร์นให้คนที่ซื้อก็สามารถได้รีเทิร์นที่เราจ่ายให้ทุกเดือน เราให้ 8% ของราคาซื้อขายเป็นเวลา 3 ปี สมมติซื้อ 10 ล้าน 8% ก็ 8 แสน หาร 12 เดือน ก็เดือนละประมาณ 6.8 หมื่นบาท ผู้ซื้อก็ได้เงินตลอด ภายใน 1 ปีเจ้าของสามารถมาใช้ได้ 14 วัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ก็ทำให้เกิดเป็น lifestyle investments” นายชนินทร์กล่าว

นายชนินทร์ กล่าวว่า เมื่อเริ่มโปรเจ็กต์ที่ 2-3 ได้จับมือกับพาร์ตเนอร์ ครอสทู บูติกแบรนด์จากออสเตรเลีย และโปรเจ็กต์ถัดมาจับมือกับเบสท์ เวสเทิร์นจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั้ง 2 พาร์ต เนอร์มีความโดดเด่นด้านงานดีไซน์ และเป็นบริษัทชั้นนำในระดับสากล จึงมีการปรับรีเทิร์นให้ลูกค้าเป็น 7% ระยะเวลา 5 ปี หลังปีที่ 5 ก็ปรับให้เป็น Profit- sharing หรือ การแบ่งส่วนกำไร กำไรที่เกิดขึ้น 60% จะคืนให้กับเจ้าของ คนที่ซื้อตรงนี้ ก็ถือเป็นสินทรัพย์ระยะยาว เก็บค่าเช่าไปได้เรื่อยๆ

MP31-3304-1A “โดยโมเดลที่เราพิสูจน์ว่า ประสบความสำเร็จแล้ว เราก็เลยเอามาทำที่กรุงเทพฯ เราพยายามหาที่แปลงเล็กๆ ในสุขุมวิท เราไม่มีแลนด์แบงก์ โดยโมเดลของเราไม่สต๊อกที่ เพื่อไม่ให้เงินจม ซื้อแล้วพัฒนาปุ๊บรีเทิร์นมันดีกว่า” นายชนินทร์กล่าวและว่า ปีหน้าจะเปิดอีก 4-5 โครงการ ซึ่งขณะนี้เริ่มซื้อที่ดินแล้ว ส่วนทำเลที่มองในกรุงเทพฯ คือ ย่านสุขุมวิท ทองหล่อ สีลม โดยปลายปีนี้จะเปิดโครงการที่พักอาศัยแนวราบระดับลักชัวรี บนพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่ ในซอยร่วมฤดี ประมาณ 250 ห้อง และจะเปิดคอนโดมิเนียมที่วงศ์อมาตย์ ขนาด 700 ห้องอีก 1 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท

นายชนินทร์ กล่าวว่า ปีหน้าฮาบิแททจะเปิดอีก 4-5 โปรเจ็กต์ รวมเป็น 12 โปรเจ็กต์ มูลค่ารวมเฉลี่ยกว่า 4,000 ล้านบาท โดยจะมีโครงการในกรุงเทพฯ ประมาณ 4-5 โปรเจ็กต์ ทั้งพื้นที่ในเมืองอย่างสุขุมวิท สีลม รวมไปถึงพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ ส่วนพัทยาตั้งเป้าปีละ 2 โปรเจ็กต์ โดยจะนำเสนอโมเดลใหม่ๆ

แผนระยะยาว ฮาบิแททจะขยายโปรดักต์เป็นตึกสูง และแนวราบ ไม่เน้นตลาดพรีเมียมเกินไป ราคาพื้นที่จะอยู่ที่ตารางเมตรละ 1-2.5 แสนบาท โดยเพิ่มช่องทางการขายผ่านเอเยนต์ ต่างๆ ที่มีอยู่กว่า 300 ราย รวมทั้งการทำตลาดกับนักลงทุนต่างชาติ อาทิ จีน ซึ่งกำลังให้ความสนใจกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยค่อนข้างสูง และภายในระยะ 3 ปี มีแผนนำบริษัทเข้าตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยตั้งเป้ารายได้ไม่ตํ่ากว่า 10,000 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,304 วันที่ 12 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว