บลจ.กสิกรไทยเสิร์ฟกองตราสารหนี้ 3 ปี เน้นหุ้นกู้เอกชน จ่าย 2.50% ต่อปี

10 ต.ค. 2560 | 05:26 น.
บลจ.กสิกรไทย ชวนผู้ลงทุนพักเงินยาวขึ้น ได้จังหวะส่งกองทุนตราสารหนี้อายุโครงการประมาณ 3 ปี ชูโอกาสรับผลตอบแทน 2.50% ต่อปี รับซื้อคืนอัตโนมัติทุก 6 เดือน เน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชน เสนอขาย 10-16 ต.ค. นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท

นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในวันที่ 10-16 ตุลาคม 2560 บลจ. กสิกรไทย จะเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 ปี A (KFI3YA) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 2.50% ต่อปี โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ และกองทุนมีอายุโครงการประมาณ 3 ปี เหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้ยาวขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 ปี A (KFI3YA) จะเน้นการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทในประเทศไทย และบางส่วนจะลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทในต่างประเทศ โดยเบื้องต้นจะลงทุนในหุ้นกู้บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน), หุ้นกู้บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) และหุ้นกู้บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด(สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) ซึ่งทั้งหมดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A- นอกจากนี้ยังลงทุนในหุ้นกู้บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน), หุ้นกู้บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และหุ้นกู้บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งทั้งหมดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ BBB+, BBB และ BBB ตามลำดับ ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะมีการจ่ายผลตอบแทนโดยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุกๆ 6 เดือน

ด้านมุมมองตลาดตราสารหนี้ นายชัชชัย กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยน่าจะยังทรงตัวต่อเนื่องที่ 1.5% ต่อไปถึงกลางปีหน้า เพื่อประคองการเติบโตของเศรษฐกิจให้มีความมั่นคงมากขึ้นภายใต้สภาวะที่เงินเฟ้อยังอยู่ระดับต่ำ ประกอบกับดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลในระดับสูงต่อเนื่อง ยังคงเอื้อต่อการใช้นโยบายการเงินการคลังแบบผ่อนคลายได้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ในขณะที่นโยบายการเงินของสหรัฐฯมีแนวโน้มตึงตัวขึ้น จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED) ส่งสัญณาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในช่วงสิ้นปีนี้ รวมถึงจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2561 ที่คาดว่าจะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกประเทศ อาทิ ความกังวัลว่าทรัมป์อาจจะไม่สามารถดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้ได้ รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ อาจส่งผลทำให้ราคาตราสารหนี้มีความผันผวนในระยะสั้น บลจ.กสิกรไทยจึงแนะนำให้ผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้ในระยะยาว และสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางถึงต่ำ อาจเลือกล็อกผลตอบแทนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการที่มีกำหนดระยะเวลาลงทุนยาวนานขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น

นอกเหนือจากกองทุน KFI3YA ดังกล่าวแล้ว เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะเวลา 6 เดือน - 1 ปี ในระหว่างวันที่ 10-16 ตุลาคม 2560 บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี DR (KFF1YDR) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.35% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน EB (KFF6MEB) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.15% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี

สำหรับกองทุน KFF1YDR ที่มีอายุโครงการ 1 ปี เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก Agricultural Bank of China, เงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank Corporation และบัตรเงินฝาก ICBC Ltd. นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Union National Bank และเงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้านกองทุน KFF6MEB ที่มีอายุโครงการ 6 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Agricultural Bank of China, เงินฝาก Union National Bank และเงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนใน