ฟอร์ด อวดยอดขายไตรมาส3 เติบโตกว่า29%
- 10 ต.ค. 60 - นายณรงค์ สีตลายน รองกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ยอดขายในไตรมาส 3 หรือ ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม-กันยายน 2560 ของฟอร์ด พบว่าทำได้ 13,995 คัน เติบโต 29% และส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของฟอร์ด เพิ่มขึ้นเป็น 6.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยยอดขายที่เติบโต มาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ และรถเอสยูวีขนาดกลาง ฟอร์ด เอเวอเรสต์
สำหรับไตรมาสที่ 3 ฟอร์ด เรนเจอร์ มียอดขายสูงขึ้นถึง 38% หรือคิดเป็น 10,884 คัน โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ฟอร์ด เรนเจอร์มีส่วนแบ่งตลาดในเซ็กเมนต์นี้เพิ่มสูงขึ้น หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว 1.9% เป็น 12.1% ในไตรมาสนี้
ปัจจุบันฟอร์ด เรนเจอร์ มีจำหน่ายทั้งหมด 24 รุ่น ตั้งแต่ รุ่นไฮซีรี่ส์ อย่าง ไวลด์แทรค และรุ่นพรีเมียม อย่าง FX4 ไปจนถึงรุ่น XL และ XLS โดยครองตำแหน่งรถกระบะที่ขายดีที่สุดอันดับ 3 ในประเทศไทย ท่ามกลางภาวะตลาดรถกระบะที่มีการแข่งขันสูงมาก ด้วยยอดขายตั้งแต่ต้นปีที่สูงขึ้น 46% หรือคิดเป็นยอดขายรวมทั้งสิ้น 31,114 คัน และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 2.9% อยู่ที่ 11.9%
ส่วนยอดขายฟอร์ด เอเวอเรสต์ ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 4% ด้วยยอดขาย 2,154 คัน ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของฟอร์ดในเซ็กเมนต์รถเอสยูวีขนาดกลางเพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 17.3% ขณะที่ยอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกันยายนของฟอร์ด เอเวอเรสต์เติบโตขึ้น 10% หรือคิดเป็นยอดขายรวม 5,801 คัน และทำให้ส่วนแบ่งตลาดในเซ็กเมนต์นี้สูงขึ้น 2.5% อยู่ที่ 14.1%
ด้านฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต รถคอมแพคเอสยูวี มียอดขายเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นยอดขายรวม 752 คัน ส่งผลให้มีส่วนแบ่งตลาดสูงขึ้น 3.3% เป็น 12.4% โดยมียอดขายรวมตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้น 29% ด้วยยอดขายที่ 2,117 คัน
นายณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อนับรวมตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกันยายน 2560 พบว่ายอดขายรวมทั้งหมดของฟอร์ด ทำได้ 39,508 คัน เพิ่มสูง 37%
“ยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เรายังคงเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง รวมไปถึงการขยายเครือข่ายตัวแทนผู้จำหน่ายและศูนย์บริการในพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ ซึ่งตามแผนที่ประกาศไว้ เราจะเปิดตัวโชว์รูมใหม่อีก 11 แห่ง และเรามุ่งมั่นพัฒนางานบริการที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ยกระดับบริการหลังการขายเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า และการพัฒนาโปรแกรมอบรมที่ปรึกษาการขายและช่างเทคนิคที่โชว์รูมและศูนย์บริการของเราให้เข้มข้นมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อสร้างความพึงพอใจและส่งมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ฟอร์ดที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา” นายณรงค์ กล่าว
สำหรับไตรมาสที่ 3 ฟอร์ด เรนเจอร์ มียอดขายสูงขึ้นถึง 38% หรือคิดเป็น 10,884 คัน โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ฟอร์ด เรนเจอร์มีส่วนแบ่งตลาดในเซ็กเมนต์นี้เพิ่มสูงขึ้น หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว 1.9% เป็น 12.1% ในไตรมาสนี้
ปัจจุบันฟอร์ด เรนเจอร์ มีจำหน่ายทั้งหมด 24 รุ่น ตั้งแต่ รุ่นไฮซีรี่ส์ อย่าง ไวลด์แทรค และรุ่นพรีเมียม อย่าง FX4 ไปจนถึงรุ่น XL และ XLS โดยครองตำแหน่งรถกระบะที่ขายดีที่สุดอันดับ 3 ในประเทศไทย ท่ามกลางภาวะตลาดรถกระบะที่มีการแข่งขันสูงมาก ด้วยยอดขายตั้งแต่ต้นปีที่สูงขึ้น 46% หรือคิดเป็นยอดขายรวมทั้งสิ้น 31,114 คัน และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 2.9% อยู่ที่ 11.9%
ส่วนยอดขายฟอร์ด เอเวอเรสต์ ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 4% ด้วยยอดขาย 2,154 คัน ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของฟอร์ดในเซ็กเมนต์รถเอสยูวีขนาดกลางเพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 17.3% ขณะที่ยอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกันยายนของฟอร์ด เอเวอเรสต์เติบโตขึ้น 10% หรือคิดเป็นยอดขายรวม 5,801 คัน และทำให้ส่วนแบ่งตลาดในเซ็กเมนต์นี้สูงขึ้น 2.5% อยู่ที่ 14.1%
ด้านฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต รถคอมแพคเอสยูวี มียอดขายเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นยอดขายรวม 752 คัน ส่งผลให้มีส่วนแบ่งตลาดสูงขึ้น 3.3% เป็น 12.4% โดยมียอดขายรวมตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้น 29% ด้วยยอดขายที่ 2,117 คัน
นายณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อนับรวมตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกันยายน 2560 พบว่ายอดขายรวมทั้งหมดของฟอร์ด ทำได้ 39,508 คัน เพิ่มสูง 37%
“ยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เรายังคงเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง รวมไปถึงการขยายเครือข่ายตัวแทนผู้จำหน่ายและศูนย์บริการในพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ ซึ่งตามแผนที่ประกาศไว้ เราจะเปิดตัวโชว์รูมใหม่อีก 11 แห่ง และเรามุ่งมั่นพัฒนางานบริการที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ยกระดับบริการหลังการขายเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า และการพัฒนาโปรแกรมอบรมที่ปรึกษาการขายและช่างเทคนิคที่โชว์รูมและศูนย์บริการของเราให้เข้มข้นมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อสร้างความพึงพอใจและส่งมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ฟอร์ดที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา” นายณรงค์ กล่าว
