เตือนหุ้นพลังงานแพง หลายตัวราคาแซงพื้นฐาน แนะปตท.-BPPน่าสน

09 ต.ค. 2560 | 10:07 น.
บล.ไทยพาณิชย์ฯ สกิดนักลงทุน ราคาหุ้นพลังงานหลายตัวแพงเกินไป นักลงทุนคาดหวังสูงลิ่ว กลุ่มกลางนํ้าและปลายนํ้า ส่วนไฟฟ้าทางเลือกแรงตามผลการดำเนินงานปีหน้า เผยชื่อ 5 ตัว กำไรโตเกิน 20%

ตลาดหุ้นไทยร้อนแรงถึงเป้าหมายแรก 1,700 จุดไปเรียบร้อยแล้ว ระหว่างวันที่ 6 ตุลาคม 2560 หลังจากดัชนีหุ้น ณ สิ้นเดือนกันยายน ปิดที่ 1,673.16 จุด สูงที่สุดในรอบ 24 ปี ท่าม กลางหุ้นหลายตัวปรับตัวขึ้น สูง สุดทำสถิติใหม่ หรือ All time high โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ที่ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก จึงเกิดคำถามว่าราคาหุ้นขณะนี้ สูงเกินไปแล้วหรือไม่ และคนที่ถืออยู่ควรจะขายทำกำไรออกไป เพื่อหาตัวใหม่ หรือถือลงทุนต่อไปได้

นายชัยภัชร ธนวัฒโน นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ฯ (SCBS) เปิดเผยว่า ภาพรวมของหุ้นกลุ่มพลังงานในขณะนี้ จะเห็นว่ามีบางตัวที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปมากเกินไป นักลงทุนให้ความคาดหวังเรื่องเศรษฐกิจเติบโตดี ผลกำไรไตรมาสที่ 3/2560 จะออกมาดีมาก ทั้งที่ราคานํ้ามันไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากนัก โอกาสที่บริษัทจะมีกำไรจากสต๊อกก็จะไม่สูงอย่างที่คาด

ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่อง ราคา All time high เพราะมีหลายตัว แต่ยังมีบางตัวที่ยังไม่ได้สร้างจุดสูงสุดใหม่ เช่น บริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ.(PTTEP) ที่ราคาปิดเคยขึ้นไปถึง 102 บาท บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ปิดที่ 6.45 บาท

MP17-3303-A “ราคาหุ้นของพลังงานกลุ่มกลางนํ้าและปลายนํ้าปรับตัวขึ้นมาก อาทิ กลุ่มโรงกลั่น แนวโน้มกลุ่มต้นนํ้าจะกลับมาน่าสนใจ เช่น บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT ยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อได้ เพราะมีการลงทุนในธุรกิจหลากหลาย นอกจากนั้นพายุเฮอริเคนที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ จะผลักดันให้กำไรของกลุ่มพลังงานในไตรมาส 3 ดีขึ้น แต่ไตรมาส 4 ก็มักจะปรับตัวลดลงมามาก” นายชัยภัทรกล่าว

นางสาวศลยา ณ สงขลา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ฯ กล่าวว่า หุ้นที่ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าปรับตัวขึ้นแรงหลายตัว โดยเฉพาะบริษัทที่มีโครงการรองรับ มีแนวโน้มผลการดำเนินงานดีในปีนี้และปีหน้า โดยบริษัทที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโตมากกว่า 20% ในปี 2561 ได้แก่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ WHAUP บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM และบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA

“นักลงทุนที่จะซื้อหุ้นไฟฟ้า จะต้องเลือกตัวให้ดี ยังมีอีกหลายตัวที่ราคายังขึ้นมาน้อยกว่า กำไรที่คาดว่าจะออกมาดี อาทิ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ BPP ที่มีสัญญาณที่ดี จากโรงไฟฟ้าหงสา ที่เพิ่งผลิตไฟฟ้ามาขายเชิงพาณิชย์ สามารถสร้างกำไรที่ดี ในปีแรกของการดำเนินงาน ซึ่งปกติโรงไฟฟ้ามักจะใช้เวลาปรับปรุงการผลิตประมาณ 2-3 ปี ซึ่งเราคาดว่ากำไรของ BPP ในปีหน้าจะเติบโต 16% ส่วนกำไรของ BCPG จะโตถึง 23% จากการรับรู้กำไรของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซียเต็มปี” นางสาวศลยากล่าว

สำหรับหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ในวันที่ดัชนีหุ้นขึ้นไปแตะ 1,700 จุด วันที่ 6 ตุลาคม 2560 แต่มีการสลับตัวไปไล่บริษัทที่ราคายังไม่ได้ขึ้น เช่น บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ส่งผลให้ราคาหุ้นที่นิ่งแถว 4 บาทมานาน ขึ้นมาซื้อขาย 4.20 บาท เหตุผลหนึ่งที่หุ้น GUNKUL ไม่ได้รับความสนใจในรอบนี้ เพราะเคยมีข่าวลือหนี้ตั๋วแลกเงิน (B/E) และนักลงทุนผิดหวังผลงานที่ผ่านมา

ทางด้านหุ้นในเครือปตท. ร้อนแรงเกือบยกแผง และราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวระหว่างวัน หลายตัวทำ All time high โดยเฉพาะ GPSC ที่ซื้อขายสูงกว่าราคาเป้าหมายหรือมูลค่าเหมาะสมที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,303 วันที่ 8 - 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว