บลจ.เมย์แบงก์ คาดการณ์ SET Q4 แนวต้าน1,700จุด และรับ1,640จุด

05 ต.ค. 2560 | 09:45 น.
- 5 ต.ค. 60 - ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดการณ์ภาพรวมการลงทุนในช่วงไตรมาส 4 ปี 2560 คาด SET แกว่ง Sideway to Sideway Up ประเมินกรอบแนวต้านบริเวณ 1,700 จุด และรับ 1,640 จุด โดยมีปัจจัยผลักดันจาก

- ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศ EM

- แนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯที่ไม่เร่งตัวขึ้นเร็ว ขณะที่เงินเฟ้อโดยรวมยังคงอยู่ในระดับต่ำ เป็นปัจจัยหนุนทิศทาง Fund Flow อยู่ในกลุ่มประเทศ EM ต่อเนื่อง

- สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีทิศทางที่ดีขึ้นในทุกภาคส่วน นำโดย ภาคท่องเที่ยวไทยที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งตัวขึ้น 4 เดือนติดต่อกัน สู่ระดับใกล้เคียงจุดสูงสุดในช่วงเดือน มค. 2017 โดยหากพิจารณาเป็นรายประเทศจะพบว่า สัญญาณการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน มีการฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนทางด้านทิศทางการส่งออก ก็มี sentiment บวกเช่นเดียวกัน โดย พบว่ายอดการส่งออกเดือน สค. สามารถขยายตัวได้ถึง 13.2% YoYส่วนในแง่มุมการบริโภค ก็เริ่มมีสัญญาณที่ดี นำโดย ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นในเดือน สค. เป็นเดือนแรก หลังจากหดตัว 3 เดือนติดต่อกัน โดยจากการลองสอบถามบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งใน เชิงของ same store sale growth (%SSSG) ก็เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 3 ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมหนุนแนวโน้ม GDP ยังขยายตัวขึ้นได้ต่อเนื่องนอกจากนี้ ทางด้านการลงทุนภาคเอกชน พบว่า ดัขนีความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจ สามารถปรับขึ้น 3 เดือน ติดต่อกัน เช่นเดียวกับ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือน สค. ขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือน

- คาดเม็ดเงิน LTF/RMF จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยผลักดันตลาดปรับตัวขึ้นเพิ่มเติมได้ในช่วงปลายปี

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01-3-1

Risk

- นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ US เช่น นโยบายภาษี ซึ่งหากสามารถขับเคลื่อนได้ อาจส่งผลต่อ Fund Flow ไหลกลับ แต่อย่างไรก็ดีเม็ดเงินดังกล่าวก็คาดจะไม่มีนัยสำคัญมากนัก เนื่องจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าจากต่างชาติในช่วงก่อนหน้าไม่ได้มีขนาดมากมายนัก

- แนวโน้มค่าเงินดอลล่าร์ ที่อาจกลับมาแข็งค่า หลังช่วงที่ผ่านมาค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการพลิกกลับของค่าเงิน อาจกระทบต่อทิศทาง Fund Flow ได้บ้าง

Investment Strategy

ประเมิน SET target 12 เดือนข้างหน้าที่ระดับ 1712 จุด อิง PE Ratio ที่ระดับ 16 เท่า โดยสำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ สลับมาสะสม Domestic Plays มากขึ้น โดยเน้นกลุ่มค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากภาคการท่องเที่ยวกำลังเข้าสู่ช่วง High Season (Touristic & consumption benefit) เช่น CPALL, BJC, HMPRO, ROBINS*, CPNผสานกลุ่มที่ยังคงมี earning momentum เชิงบวกในช่วง 2H60 เช่นกลุ่มFinance (SAWAD, KTC), Petrochem (IVL, PTTGC), Healthcare (BDMS, BCH, RJH*), Media (VGI, PLANB*, MACO), Property (SPALI, LPN, WHA*)

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-1