หุ้นส้มหล่นดอกเบี้ยตํ่าเมย์แบงก์ฯแนะลีสซิ่ง ดีบีเอสชวนซื้ออสังหาฯ
เศรษฐกิจโต-เงินเฟ้อตํ่า คาดดอกเบี้ยไทยตํ่าอีกนาน หนุนธุรกิจเฟื่องฟู นักวิเคราะห์มีมุมมองบวกหลากหลายแนะนำการเลือกซื้อหุ้นเพื่อลงทุน
อัตราเงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในระดับตํ่า ในเดือนกันยายน 2560 อยู่ที่ 0.86% และรวม 9 เดือนเท่ากับ 0.59% คาดทั้งปีจะตํ่ากว่า 1% นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)ฯ คาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะไม่เป็นแรงกดดันให้ไทยต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอย่างน้อยไตรมาสที่ 3/2561 ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยตํ่าเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นปันผลและหุ้นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุ้นเด่นในกลุ่ม คือ บริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ให้มูลค่าที่เหมาะสม 25.70 บาท
ส่วนหุ้นปันผลได้แก่บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO, ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP, บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL)
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสินฯเน้นหุ้นค้าปลีก บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และธนาคาร คือ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK), ธนาคารกรุงเทพ(BBL), TISCO และธนาคารทหารไทย (TMB) หลังสมาคมธนาคารไทยเตรียมปรับเพิ่มเป้าสินเชื่อของธนาคารจากเดิมคาด เติบโต 3.5%
บล.โนมูระพัฒนสินฯเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังความผันผวนบริเวณแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,700 จุด อาจมีแรงขายทำกำไรได้ หลังจากเงินเฟ้อเดือนกันยายนดีกว่าคาดที่ 0.50% เพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุน กระตุ้นเงินทุนไหลเข้าไทย ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันที่ 4 ตุลาคมนี้ อาจส่งสัญญาณต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม และรายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB วันที่ 5 ตุลาคม 2560
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)ฯ เพิ่มนํ้าหนักการลงทุนในหุ้นลีสซิ่ง จากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่ความเสี่ยงสามารถควบคุมได้และไม่กระทบศักยภาพในการทำกำไรของผู้ประกอบการ โดยเลือก บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เป็น หุ้นเด่น ให้ราคาเป้าหมาย 70.50 บาท จากการเป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนคาดหวัง ที่มากกว่าคู่แข่ง พร้อมแนะนำ “ซื้อ” บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)หรือ MTLS ให้มูลค่าเหมาะสม 39.75 บาท
“การเข้าถือหุ้นบริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ฯ หรือ BFIT สามารถระดมเงินฝากจากประชาชนทำให้ต้นทุนทางการเงินของ SAWAD มีแนวโน้มลดลง และการรับผิดชอบธุรกิจหลักปล่อยสินเชื่อภายใต้สัญญาเงินกู้ซึ่ง SAWAD คิดค่าบริการกลับ ทำให้ SAWAD ยังคงได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ และการอยู่ภายใต้กำกับของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธปท. ยังช่วยลดความเสี่ยงเรื่องกฎเกณฑ์การคิดดอกเบี้ย ประเมินกำไรปี 2560-2562 เติบโตเฉลี่ย+31% ต่อปี” บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ระบุ
ปัจจุบันสินเชื่อทะเบียนรถยังคงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง ความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อมาเติมเต็มค่าใช้จ่ายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลในระดับสูงส่งผลให้ธนาคารเข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพิ่มความต้องการสินเชื่อในภาคนอนแบงก์ และจำนวนรถจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นรวมถึงหลักประกันที่มากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการขยายพอร์ต
“คาดพอร์ตสินเชื่อยังเติบโตได้ในระดับสูง MTLS ขยายตัว 61%, SAWAD เติบโต 26% เฉลี่ยในช่วงปี 2559-2562 ส่วน แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ไม่ถูกกระทบการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คือ MTLS เติบโตเฉลี่ย 48%, SAWAD เพิ่มขึ้น 31%” บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯระบุ
นักวิเคราะห์บล.ธนชาตฯ มองว่าเงินเฟ้อตํ่า ส่งผลดอกเบี้ยในประเทศยังตํ่านานเอื้อลงทุน และธนาคารกสิกรไทยหรือ KBANK ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากเศรษฐกิจฟื้นตัว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,302 วันที่ 5 - 7 ตุลาคม พ.ศ. 2560
อัตราเงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในระดับตํ่า ในเดือนกันยายน 2560 อยู่ที่ 0.86% และรวม 9 เดือนเท่ากับ 0.59% คาดทั้งปีจะตํ่ากว่า 1% นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)ฯ คาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะไม่เป็นแรงกดดันให้ไทยต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอย่างน้อยไตรมาสที่ 3/2561 ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยตํ่าเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นปันผลและหุ้นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุ้นเด่นในกลุ่ม คือ บริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ให้มูลค่าที่เหมาะสม 25.70 บาท
ส่วนหุ้นปันผลได้แก่บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO, ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP, บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL)
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสินฯเน้นหุ้นค้าปลีก บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และธนาคาร คือ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK), ธนาคารกรุงเทพ(BBL), TISCO และธนาคารทหารไทย (TMB) หลังสมาคมธนาคารไทยเตรียมปรับเพิ่มเป้าสินเชื่อของธนาคารจากเดิมคาด เติบโต 3.5%
บล.โนมูระพัฒนสินฯเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังความผันผวนบริเวณแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,700 จุด อาจมีแรงขายทำกำไรได้ หลังจากเงินเฟ้อเดือนกันยายนดีกว่าคาดที่ 0.50% เพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุน กระตุ้นเงินทุนไหลเข้าไทย ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันที่ 4 ตุลาคมนี้ อาจส่งสัญญาณต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม และรายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB วันที่ 5 ตุลาคม 2560
“การเข้าถือหุ้นบริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ฯ หรือ BFIT สามารถระดมเงินฝากจากประชาชนทำให้ต้นทุนทางการเงินของ SAWAD มีแนวโน้มลดลง และการรับผิดชอบธุรกิจหลักปล่อยสินเชื่อภายใต้สัญญาเงินกู้ซึ่ง SAWAD คิดค่าบริการกลับ ทำให้ SAWAD ยังคงได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ และการอยู่ภายใต้กำกับของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธปท. ยังช่วยลดความเสี่ยงเรื่องกฎเกณฑ์การคิดดอกเบี้ย ประเมินกำไรปี 2560-2562 เติบโตเฉลี่ย+31% ต่อปี” บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ระบุ
ปัจจุบันสินเชื่อทะเบียนรถยังคงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง ความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อมาเติมเต็มค่าใช้จ่ายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลในระดับสูงส่งผลให้ธนาคารเข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพิ่มความต้องการสินเชื่อในภาคนอนแบงก์ และจำนวนรถจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นรวมถึงหลักประกันที่มากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการขยายพอร์ต
“คาดพอร์ตสินเชื่อยังเติบโตได้ในระดับสูง MTLS ขยายตัว 61%, SAWAD เติบโต 26% เฉลี่ยในช่วงปี 2559-2562 ส่วน แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ไม่ถูกกระทบการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คือ MTLS เติบโตเฉลี่ย 48%, SAWAD เพิ่มขึ้น 31%” บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯระบุ
นักวิเคราะห์บล.ธนชาตฯ มองว่าเงินเฟ้อตํ่า ส่งผลดอกเบี้ยในประเทศยังตํ่านานเอื้อลงทุน และธนาคารกสิกรไทยหรือ KBANK ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากเศรษฐกิจฟื้นตัว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,302 วันที่ 5 - 7 ตุลาคม พ.ศ. 2560
