รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายชะงัก
สคร.ยอมรับ รัฐวิสาหกิจชะงักเบิกงบลงทุนเหตุไม่แน่ใจ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างใหม่ คาดไตรมาส 3 เบิกจ่ายได้ 10%
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) เปิดเผยว่า การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจไตรมาส 3 ได้รับผลกระทบจากพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างฯที่ประกาศ ใช้ไปเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2560 เพราะอยู่ในช่วงปรับตัวและทุกคนไม่แน่ใจ จึงไม่กล้าลงนามจัดซื้อจัดจ้างใดๆ เพราะรอดูนโยบายที่ชัดเจน
[caption id="attachment_207699" align="aligncenter" width="503"]
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)[/caption]
กรมบัญชีกลางจึงได้แก้หลักเกณฑ์ด้วยการออกประกาศว่า กรณีรัฐวิสาหกิจที่ขอออกจากพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างใหม่และยังไม่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายจัดซื้อจัดจ้างฯให้ดำเนินการตามแผนเดิมไปก่อน เพื่อไม่ให้การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจชะงัก
“การเบิกจ่ายงบลงทุนไตรมาส 3 ถ้าขยายตัวได้ 10% ก็ถือว่า โอเค แล้ว เพราะเราเห็นว่าได้รับผลกระทบเยอะ รัฐวิสาหกิจไม่กล้าที่จะทำตามแผนเดิม เพราะไม่แน่ใจ จากไตรมาส 2 ที่การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัวได้ถึง 20% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ 17%”
อย่างไรก็ตามงบลงทุนรัฐวิสาหกิจถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญ โดยในงบประมาณ ปี2560 มีวงเงิน 3.45 แสนล้านบาท สามารถเบิกจ่ายได้ 85% ซึ่งตํ่ากว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 95% แต่ยังมีรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทินถึงธันวาคม ส่วนงบประมาณปี 2561 งบลงทุนรัฐวิสาหกิจรวม 5.6 แสนล้านบาท
นอกจากนี้สคร.มีนโยบายจะลดการถือครองหลักทรัพย์ที่ได้จากการยึดทรัพย์ หรือรับโอนจากส่วนราชการอื่น ซึ่งมีประมาณ 24 แห่ง ซึ่งเป็นบริษัทเล็กๆ ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯแต่จะไม่กระทบต่อผู้ถือหุ้นและตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงไม่กระทบต่อยุทธศาสตร์ของชาติด้วย
กระทรวงการคลังถือครองหลักทรัพย์รวม 109 หลักทรัพย์ มูลค่า 1.1 ล้านล้านบาท หากไม่รวมรัฐวิสาหกิจด้วยจะมีจำนวน 86 แห่งมูลค่า 3.8 แสนล้านบาท โดยเป็นบริษัทที่ได้จากการยึดทรัพย์ 24 แห่ง ซึ่งเคยมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่ปี 2554 คาดได้ข้อสรุปภายในไตรมาสแรกงบประมาณปี 2561
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,302 วันที่ 5 - 7 ตุลาคม พ.ศ. 2560
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) เปิดเผยว่า การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจไตรมาส 3 ได้รับผลกระทบจากพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างฯที่ประกาศ ใช้ไปเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2560 เพราะอยู่ในช่วงปรับตัวและทุกคนไม่แน่ใจ จึงไม่กล้าลงนามจัดซื้อจัดจ้างใดๆ เพราะรอดูนโยบายที่ชัดเจน
[caption id="attachment_207699" align="aligncenter" width="503"]
กรมบัญชีกลางจึงได้แก้หลักเกณฑ์ด้วยการออกประกาศว่า กรณีรัฐวิสาหกิจที่ขอออกจากพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างใหม่และยังไม่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายจัดซื้อจัดจ้างฯให้ดำเนินการตามแผนเดิมไปก่อน เพื่อไม่ให้การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจชะงัก
“การเบิกจ่ายงบลงทุนไตรมาส 3 ถ้าขยายตัวได้ 10% ก็ถือว่า โอเค แล้ว เพราะเราเห็นว่าได้รับผลกระทบเยอะ รัฐวิสาหกิจไม่กล้าที่จะทำตามแผนเดิม เพราะไม่แน่ใจ จากไตรมาส 2 ที่การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัวได้ถึง 20% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ 17%”
อย่างไรก็ตามงบลงทุนรัฐวิสาหกิจถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญ โดยในงบประมาณ ปี2560 มีวงเงิน 3.45 แสนล้านบาท สามารถเบิกจ่ายได้ 85% ซึ่งตํ่ากว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 95% แต่ยังมีรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทินถึงธันวาคม ส่วนงบประมาณปี 2561 งบลงทุนรัฐวิสาหกิจรวม 5.6 แสนล้านบาท
นอกจากนี้สคร.มีนโยบายจะลดการถือครองหลักทรัพย์ที่ได้จากการยึดทรัพย์ หรือรับโอนจากส่วนราชการอื่น ซึ่งมีประมาณ 24 แห่ง ซึ่งเป็นบริษัทเล็กๆ ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯแต่จะไม่กระทบต่อผู้ถือหุ้นและตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงไม่กระทบต่อยุทธศาสตร์ของชาติด้วย
กระทรวงการคลังถือครองหลักทรัพย์รวม 109 หลักทรัพย์ มูลค่า 1.1 ล้านล้านบาท หากไม่รวมรัฐวิสาหกิจด้วยจะมีจำนวน 86 แห่งมูลค่า 3.8 แสนล้านบาท โดยเป็นบริษัทที่ได้จากการยึดทรัพย์ 24 แห่ง ซึ่งเคยมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่ปี 2554 คาดได้ข้อสรุปภายในไตรมาสแรกงบประมาณปี 2561
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,302 วันที่ 5 - 7 ตุลาคม พ.ศ. 2560
