บลจ.กรุงศรี คัด5กองทุนเด่นตั้ง LTF-RMF ลดภาษีลุ้นกำไรเพิ่ม

03 ต.ค. 2560 | 10:02 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

บลจ.กรุงศรี คัดกองทุนเด่น จัดตั้งเป็นกองทุน LTF และ RMF 5 กองทุนใหม่ จับกลุ่มเน้นลดภาษีบวกมีกำไรเพิ่ม

[caption id="attachment_215298" align="aligncenter" width="335"] น.ส.ศิริพร สินาเจริญ น.ส.ศิริพร สินาเจริญ[/caption]

น.ส.ศิริพร  สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีถือเป็นช่วงที่ผู้ลงทุนให้ความสนใจในการลงทุนสำหรับการวางแผนเกษียณควบคู่กับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในรูปแบบของการลงทุนผ่านกองทุน LTF - RMF  บริษัทจึงเปิดเสนอขายกองทุนใหม่พร้อมกัน 5 กองทุน  โดยคัดสรรกองทุนรวมที่มีนโยบายและผลการดำเนินงานที่โดดเด่นมาจัดตั้งเป็นกองทุน LTF-RMF  เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุนสามารถกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีควบคู่ไปกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี  เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่  3 – 10 ต.ค. 60“กองทุนใหม่ที่เปิดเสนอขายทั้ง 5 กองทุนประกอบด้วยกองทุน LTF – RMF คู่แฝด ได้แก่ กองทุน KFLTFSTARD  และ กองทุนKFSTARRMF  ชูศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในหุ้นไทยที่หลากหลายไม่จำกัดประเภทหุ้น และกองทุน KFHAPPYRMF ที่เพิ่มโอกาสสร้างความมั่นคงพร้อมรับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก  กองทุน KFGTECHRMF  สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงทั่วโลก  และกองทุน KFCHINARMF เพิ่มโอกาสเข้าถึง 3 ตลาดสำคัญที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง”น.ส.ศิริพร กล่าว

สำหรับกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวไทยออลสตาร์ปันผล (KFLTFSTARD) กองทุนเปิดกรุงศรีไทยออลสตาร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFSTARRMF) ใช้กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไทยเช่นเดียวกันกับกองทุน KFTSTAR-D ที่มีจุดแข็งในหลายด้านทั้งในส่วนของกลยุทธ์แบบ Blend Model  เฟ้นหาหุ้นเด่นจากทุกกลุ่มได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านขนาดหรือประเภทหุ้น ลงทุนได้ทั้งหุ้นปันผล หุ้นเติบโตสูง หุ้นขนาดกลาง -เล็ก และใช้กลยุทธ์บริหารพอร์ตเชิงรุก  มีความยืดหยุ่นสูงในการปรับสัดส่วนให้เหมาะกับแต่ละภาวะตลาด  เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดโดยรวม หากพิจารณาจากกองทุนเปิดกรุงศรีไทยออลสตาร์ปันผล (KFTSTAR-D) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนในวงกว้าง และภายหลังจากการเปิดตัวมา 6 เดือนสามารถสร้างผลตอบแทน ย้อนหลัง 1 เดือนที่ 5.7%  สูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ 3.6%  ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ 7.3%  สูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ 6.8%  และผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนที่ 9.8%  สูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ 8.0%  (ที่มา:บลจ.กรุงศรี 28 ก.ย. 60 / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม  มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)

ส่วนกองทุนเปิดกรุงศรีชีวิตดี๊ดีเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFHAPPYRMF)  มีจุดเด่นในการเพิ่มโอกาสสร้างความมั่นคงและเพิ่มการเติบโตของเงินลงทุน  เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมควบคู่ไปการสร้างพอร์ตการลงทุนที่สมดุล สามารถลงทุนอย่างสบายใจและเพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวันข้างหน้า  ทั้งนี้  กองทุน KFHAPPYRMF  มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงศรีชีวิตดี๊ดี (KFHAPPY) ที่มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพไม่น้อยกว่า 75% และมีความยืดหยุ่นในการลงทุนอีกไม่เกิน 25% สำหรับหุ้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์  REITs และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01-3-4 กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเทคโนโลยีอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFGTECHRMF) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว  เนื่องจากกองทุนหลักที่เราลงทุนคือ T. Rowe Price Funds SICAV – Global Technology Equity Fund (กองทุนหลัก) เน้นลงทุนในเทคโนโลยีใหม่  เช่น AI , Big Data  ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตอีกมาก  การใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นในหลากหลายรูปแบบทั่วโลก ทำให้กลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

นอกจากนี้กองทุนเปิดกรุงศรีเกรทเทอร์ไชน่าอิควิตี้เฮดจ์เอฟเอ็กซ์เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFCHINARMF) สร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากศักยภาพในการเติบโตของตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวัน  ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจโดยรวมใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก โดยทั้ง 3 ประเทศ มีความได้เปรียบในการแข่งขันบนเวทีโลกที่ต่างกัน อาทิ ประเทศจีนมีศักยภาพการเติบโตในระยะยาวที่อยู่ในระดับสูง   ฮ่องกงมีความโดดเด่นในเรื่องของความเจริญก้าวหน้าและมีความมั่งคั่งในระดับสูงและยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินของโลก   ขณะที่ไต้หวันก็มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมระดับโลกและมีบริษัทชั้นนำในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศจำนวนมาก  ส่งผลให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงทุกโอกาสการลงทุนในกลุ่มประเทศนี้  และด้วยระดับราคาหุ้นที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตทำให้ “Greater China” มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนในระยะยาว

“ผู้ลงทุนควรพิจารณาลงทุนในกองทุน LTF- RMF ที่มีนโยบายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตนเอง และกระจายการลงทุนในกองทุนหลากหลายรูปแบบ  หลากหลายนโยบายการลงทุน  เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมพร้อมเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว  ทั้งนี้ ในช่วงปลายปีจะมีผู้สนใจลงทุนในกองทุน LTF – RMF เป็นจำนวนมาก จึงแนะนำนักลงทุนให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในช่วงวันท้ายๆ ของปี เนื่องจากมีผู้ลงทุนทำรายการจำนวนมาก โดยผู้ลงทุนสามารถใช้ช่องทางการลงทุนผ่านอินเทอร์เน็ต @ccess online service แทนเพื่อความสะดวก โดยสามารถทำรายการได้ตลอด 24 ชั่วโมง” น.ส.ศิริพร กล่าว ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-3