รมต.IMT-GTเห็นพ้องเร่งขับเคลื่อนแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจเชื่อม3ชาติ

01 ต.ค. 2560 | 04:31 น.
ประชุมรัฐมนตรี IMT-GTอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ถึงแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย เห็นพ้องต่อการเร่งรัดการขับเคลื่อนแผนงานและโครงการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพทั่วภูมิภาคมูลค่ากว่า 47,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรัฐมนตรีประจำแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle: IMT-GT) ได้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่23 แผนงาน IMT-GT ณ จังหวัดบังกา-เบลิตุง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีนายดาร์มิน นาซูติยอน รัฐมนตรีกระทรวงประสานกิจการเศรษฐกิจอินโดนีเซีย ทำหน้าที่ประธานการประชุมฯ และดาโต๊ะ อับดุล เราะห์มาน บิน ดะห์ลัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย เข้าร่วมการประชุม

ทั้งนี้ มีบุคคลสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ เจ้าหน้าที่อาวุโสของแผนงาน IMT-GT จากสามประเทศ ซึ่งประกอบด้วย ดร.ปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมด้วย ดร.ปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดร.ริซาล อัฟฟานดิ ลุคมาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงประสานกิจการเศรษฐกิจอินโดนีเซีย และดาโต๊ะ ไซฟุล อันวา เลอไบ ฮุซเซน รองผู้อำนวยการสำนักงานวางแผนเศรษฐกิจมาเลเซีย มุขมนตรี

mala2

และผู้ว่าราชการจังหวัดของแผนงาน IMT-GT ของสามประเทศ ประกอบด้วย นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นหัวหน้าคณะผู้ว่าราชการฝ่ายไทย นายเออร์ซาลดี รอสมาน ผู้ว่าราชการจังหวัดบังกา-เบลิตตุงของอินโดนีเซีย เป็นหัวหน้าคณะผู้ว่าราชการจังหวัดอินโดนีเซีย ดาโต๊ะ คู อับดุล เราะห์มาน คู อิสมายล์ ผู้แทนมุขมนตรีแห่งรัฐเคดะห์ของมาเลเซีย เป็นหัวหน้าคณะมุขมนตรีมาเลเซีย นายวงศ์เทพ อรรถไกวัลย์วที รองเลขาธิการอาเซียน นายราเมศ สุบรามาเนียม ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งธนาคารพัฒนาเอเชีย และผู้แทนจากสภาธุรกิจ IMT-GT โดยมีสาระสำคัญดังนี้

1. รัฐมนตรี IMT-GT เห็นพ้องต่อการเร่งรัดการขับเคลื่อนแผนงานและโครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนดำเนินงานระยะ5ปี ปี2560-2564 เพื่อบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ปี2579 ของแผนงาน IMT-GT โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนโครงการด้านการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพมูลค่ากว่า 47,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงทางกายภาพทั่วทั้งภูมิภาค IMT-GT พร้อมทั้ง ให้ความสำคัญต่อการจัดสรรงบประมาณของประเทศเพื่อการขับเคลื่อนโครงการด้านการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพดังกล่าว นอกจากนี้ เห็นควรให้เร่งรัดการหารือความตกลงที่เกี่ยวกับกฎระเบียบ ด้านการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาค IMT-GT

เพื่อให้มีข้อสรุปและเริ่มการปฏิบัติได้ในระยะเวลาที่ชัดเจน และสามารถใช้ประโยชน์จากการยกระดับความเชื่อมโยงในอนุภูมิภาคอย่างเต็มที่ โดยหนึ่งในความคืบหน้าที่สำคัญคือ การเห็นชอบให้มีคณะทำงานย่อยด้านการเชื่อมโยงด้านการขนส่ง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารภายใต้แผนงาน IMT-GT ให้มีการทบทวนและปรับปรุงบันทึกความเข้าใจของ อนุภูมิภาคเกี่ยวกับการขยายการเชื่อมโยงทางอากาศที่ลงนามไว้เมื่อเดือนเมษายน2538 เพื่อเพิ่มการเชื่อมโยงทางอากาศตาม นโยบายการเปิดเสรีทางการบินของอาเซียน โดยมุ่งหวังให้บรรลุผลการหารือทบทวนบันทึกความเข้าใจดังกล่าวร่วมกัน ก่อนนำเสนอให้มีการลงนามร่วมกันในที่ประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 11 ณ ประเทศสิงคโปร์ ที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายน2561

2. รัฐมนตรี IMT-GT แสดงความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่าง ๆ อาทิ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร การรับรองเค้าโครงยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวระดับอนุภูมิภาคเพื่อการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวข้ามพรมแดน ซึ่งเน้นเป้าหมายที่มุ่งสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเดียว (Single Destination) ที่ยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ และแข่งขันได้ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสเร่งกระบวนการหารือและการเสริมสร้างมาตรฐานฮาลาล เพื่อให้เกิดการยอมรับมาตรฐานฮาลาลระหว่างประเทศสมาชิก IMT-GT และเร่งดำเนินการสรุปกรอบการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน (Sustainable Urban Development Framework: SUDF) ในพื้นที่ IMT-GT ซึ่งจะช่วยขยายข้อริเริ่มเมืองสีเขียวให้กว้างขวาง ไปยังเมืองอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ และสร้างเครือข่ายเมืองสีเขียวผ่านการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการเมืองสีเขียว และการขยายการเชื่อมโยงภายใน อนุภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงทางอากาศ

3. ประเด็นที่รัฐมนตรี IMT-GT ของไทยเสนอ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้เน้นย้ำข้อเสนอแนะของฝ่ายไทยในระหว่างการประชุมฯ ใน6เรื่อง ได้แก่

3.1 การจัดลำดับความสำคัญ โครงการเชื่อมโยงทางกายภาพในแต่ละแนวระเบียงเศรษฐกิจตามมิติการเชื่อมโยงที่เหมาะสมและเพิ่มแนวระเบียงเศรษฐกิจใหม่ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนโครงการเชื่อมโยงทางกายภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามข้อเสนอโครงการที่เสนอต่อผู้นำ พร้อมทั้งคำนึงถึงผลกระทบจากการพัฒนาที่มีดุลยภาพทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง และโอกาสการเชื่อมโยงกับการพัฒนาของพื้นที่เป้าหมายของรัฐบาล เช่น การเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยกับโครงการพัฒนาเส้นทางรถไฟสายภาคตะวันออก (East Coast Rail Line: ECRL) ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีโอกาสเชื่อมโยงการพัฒนาระดับภูมิภาคตามทางสายไหมใหม่ของจีน (Belt and Road Initiative) โดยเปิดแนวระเบียงเศรษฐกิจ ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส-เประ-กลันตัน เป็นยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงใหม่ และการหารือถึงโอกาสการเชื่อมโยงเขตเสรีทางโทรคมนาคม รองรับการค้าอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแดนเชื่อมโยงระดับสากล เป็นต้น

3.2 การสนับสนุนการประชาสัมพันธ์กิจกรรมด้านการท่องเที่ยวข้ามพรมแดน เพื่อมุ่งไปสู่การเป็น Single Destination และการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวและทำการตลาดเพื่อรองรับตลาดใหม่ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวสูงอายุ เป็นต้น โดยชื่นชมกรอบยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว IMT-GT และแผนปฏิบัติการ ซึ่งธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการในการจัดทำ เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานในการพัฒนาการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคให้มีความยั่งยืน สามารถแข่งขันได้ และมีความครอบคลุม พร้อมทั้งตอกย้ำถึงความสำคัญของการยกระดับเรื่องความเชื่อมโยงให้เกิดผลเพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยวร่วมกัน

mala1

3.3 การเร่งรัดการเจรจา เพื่อจัดทำความตกลงด้านการอำนวยความสะดวกในการขนส่งผ่านแดน เพื่อให้เกิดการประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพอย่างเต็มประสิทธิภาพ ตลอดจนการเร่งรัดการเชื่อมโยงด้านการผ่านแดนที่มีอุปสรรค เช่น จุดผ่านแดนใหม่เชื่อมโยงระหว่างด่านสะเดา – ด่านบูกิตกายูฮิตัม

3.4 การเร่งรัดความร่วมมือที่สามารถสร้างรายได้ และส่งผลกระทบต่ออนุภูมิภาคอย่างรวดเร็วบนพื้นฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น การสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวที่เป็นเป้าหมายเดียวกัน การยกระดับมาตรฐานฮาลาลที่เท่าเทียมกันเพื่อรองรับการรับรองตรามาตรฐานฮาลาลร่วมกันและเพื่อยกระดับการเข้าสู่ตลาดสากล ความร่วมมือด้านการแปรรูปเกษตรระดับสูงของยางพารา ปาล์มน้ำมัน ประมง เป็นต้น พร้อมทั้งการเชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่าในอนุภูมิภาคระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีศักยภาพ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการรักษาสมดุลทางชีวภาพและป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

3.5 การขยายการพัฒนาตามข้อริเริ่มเมืองสีเขียวให้กว้างขวางไปยังเมืองอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ ไทยอาจเริ่มการดำเนินการตามกรอบ SUDF โดยคัดเลือกจังหวัดละ1 เทศบาลในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้เป็นพื้นที่นำร่อง ก่อนขยายไปสู่เทศบาลอื่น ๆ โดยปรับยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับความสามารถของแต่ละเมือง เป็นต้น

3.6 การพัฒนาบุคลากรให้เชื่อมโยงกับระบบการศึกษาในทุกระดับชั้น โดยครอบคลุมทั้งระดับอุดมศึกษาภายใต้เครือข่ายมหาวิทยาลัย IMT-GT และขยายไปสู่ความร่วมมือระดับสถาบันอาชีวศึกษา สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อการสร้างตลาดแรงงานที่เชื่อมโยงระหว่างกัน และมีการรับรองทักษะฝีมือและมาตรฐานแรงงานร่วมกันเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเสรียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ประเทศมาเลเซียรับเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 24 และการประชุม อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนงาน IMT-GT ในปี 2561 ที่รัฐมะละกา ประเทศมาเลเซีย ต่อไป

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว