เตือนเก็งกำไรหุ้นปั่น! อันตรายลากแรง-ทุบแรง-ไร้ผลประกอบการหนุน
โบรกเกอร์-นักลงทุนหุ้นพื้นฐาน ออกโรงเตือนแมลงเม่าลุยเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็ก เสี่ยงขาดทุน ... “เสี่ยปู่” แนะลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐาน “เมย์แบงก์” เชียร์หุ้นสายวัด พื้นฐานดี มีธรรมาภิบาล ฟากผู้บริหาร ECF ชี้! มั่นใจแผนธุรกิจโตปีละ 10-12%
ราคาหุ้นบริษัท ดีเอ็นเอ 2001ฯ (DNA) ปรับตัวลงรุนแรง สำหรับการซื้อขายวันที่ 29 ก.ย. 2560 โดยราคาลดลงต่ำสุด 1.16 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 11.45% จากราคาปิดวันก่อน 1.31 บาท ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นบริษัท อีสต์ โคสท์เฟอร์นิเทคฯ (ECF) สวนทางขึ้นมาบวกต่อเนื่อง จ่อทะลุ 9 บาท ถือว่า ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากต้นเดือน ก.ย. 2560 อยู่ที่ 4.38 บาท ถือว่าขึ้นมากกว่า 100% ท่ามกลางการเก็งกำไรหนาแน่น แม้ว่าหุ้นทั้ง 2 ตัวนี้ จะถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้วางเงินสดก่อนซื้อ (แคชบาลานซ์) แล้วก็ตาม
ขณะเดียวกัน หุ้นบริษัท สกาย ไอซีทีฯ หรือชื่อเดิม ซีซีเอ็น เท็ค (CCN) ซึ่งไร้เครื่องหมายเตือนใด ๆ จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ราคายังคงเดินหน้าบวกขึ้นไปได้เรื่อย ๆ จากราคาหุ้นตัวนี้อยู่ที่ 3 บาท หลังเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ ทำคำเสนอซื้อหุ้นราคาต่ำกว่ากระดานมาก ส่งผลให้จำนวนหุ้นเกือบทั้งหมดอยู่ในมือผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ ล่าสุด ราคาขึ้นมากกว่า 14 บาท ตอบรับการได้งานรถเข็นกระเป๋าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่า 879 ล้านบาท
นายจรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ฯ เปิดเผยว่า ช่วงจังหวะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวขึ้นสูง โดยหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวใกล้เต็มมูลค่า สิ่งที่ตามมา คือ หุ้นขนาดเล็กและขนาดกลาง จะถูกดึงขึ้นมาเก็งกำไรรุนแรง ด้วยสตอรีข่าว ที่ไม่ใช่ผลกำไรของบริษัทนั้น ๆ ดังนั้น นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังการเก็งกำไร
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์กิมเอ็งฯ ได้คัดเลือกหุ้นพื้นฐานดี มีธรรมาภิบาล ผลประกอบการเติบโต ปันผลสม่ำเสมอ เช่น 1.กำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2560 เติบโตเกิน 20% และปี 2561 ขยายตัวมากกว่า 10%, 2. PEG ratio ปี 2561 น้อยกว่า 1 เท่า, 3.ปันผลสม่ำเสมอ และปี 2561 ไม่น้อยกว่า 2.5% และ 4.เปอร์เซ็นต์ ROE ในปี 2559-2561 เติบโตมากกว่า 15% ต่อเนื่อง 3 ปี โดยหุ้นที่เข้าองค์ประกอบ 4 ประการ ได้แก่ หุ้น TISCO, ADVANCE, LPN, HMPRO และ EGCO
แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่การตลาด กล่าวว่า หุ้น DNA ราคาปรับตัวลงรุนแรง จากแรงขายของนักลงทุนรายใหญ่ ที่มีต้นทุนต่ำ หลังจากเก็งกำไรรับข่าวการเซ็นสัญญาทำระบบให้กับ บริษัท ดราก้อนฯ ของฮ่องกงแล้ว ซึ่งความเป็นไปได้เชิงธุรกิจ ยังไม่ถูกยืนยันจากผลประกอบการ แต่นักลงทุนเข้าไปเล่นเก็งกำไร ถือว่า อันตรายมาก จากการเสี่ยงขาดทุนหรือติดหุ้นราคาสูง เนื่องจากไม่ได้เข้าไปซื้อไม้แรก ๆ เทียบกับนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งมีต้นทุนต่ำ ขายกำไรทุกราคา ส่วนหุ้น ECF นักลงทุนเก็งกำไรการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ ชุดที่ 2 และ 3 ที่จะออกให้ผู้ถือหุ้นเติมคราวเดียวกัน โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XW วันที่ 6 ต.ค. นี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกับราคาหุ้นที่ขึ้นมาต่อเนื่อง 100%
“นักลงทุนต้องตั้งสติ ล็อกกำไร ใครไม่มีไปเข้าปลายน้ำ หรือ ไม้ท้าย ๆ เสียเปรียบรายใหญ่ที่มีต้นทุนต่ำ สามารถขายได้ทุกราคา” แหล่งข่าว กล่าว
นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือ “เสี่ยปู่” นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า การลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับและมีการเติบโตของรายได้และกำไรในอนาคต มีความเสี่ยงน้อยและไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดผันผวน เมื่อเทียบกับการเก็งกำไรหุ้น ที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ หรือ เก็งกำไรสั้น ๆ ส่วนใหญ่จะขาดทุน โดยหุ้นส่วนใหญ่ที่เสี่ยปู่ลงทุนมีพื้นฐาน และถือลงทุนยาวได้ผลตอบแทนที่ดีมาก เช่น หุ้นเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK), ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) และ ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD)
“หุ้นไม่ดี ตลาดจบรอบ ราคาจะกลับลงมา แต่ถ้าหุ้นพื้นฐานดี ๆ ราคาอยู่ได้ตามกำไรของบริษัท และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดหุ้นนัก เมื่อเทียบกับหุ้นเล็กเก็งกำไร” เสี่ยปู่ กล่าว
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์ โคสท์ เฟอร์นิเทคฯ กล่าวว่า ไม่ทราบสาเหตุหุ้น ECF ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งตนมีหน้าที่ทำงานตามโครงสร้างแผนธุรกิจที่วางไว้ ให้มีการเติบโตไม่น้อยกว่า 10-12% โดยมั่นใจทำได้ตามแผน ส่วนการลงทุนเป็นเรื่องของนักลงทุน ที่จะใช้วิจารณญาณในการลงทุน
“แผนลงทุนที่วางไว้ 2 ทาง คือ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ตามแผนโต 10-12% จากผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีการขึ้นจาก 50 ชนิด เพิ่มเป็น 300 ชนิด เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น และช่องทางการขายที่มากขึ้น เป็นการโตจากการขยายตลาดไปต่างประเทศ และสร้างแบรนด์สินค้าใหม่ ๆ ขึ้นมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และเร็ว ๆ นี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาธุรกิจใหม่ ที่มีนัยสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจ” กรรมการผู้จัดการ กล่าว
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,301 วันที่ 1-4 ต.ค. 2560
ราคาหุ้นบริษัท ดีเอ็นเอ 2001ฯ (DNA) ปรับตัวลงรุนแรง สำหรับการซื้อขายวันที่ 29 ก.ย. 2560 โดยราคาลดลงต่ำสุด 1.16 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 11.45% จากราคาปิดวันก่อน 1.31 บาท ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นบริษัท อีสต์ โคสท์เฟอร์นิเทคฯ (ECF) สวนทางขึ้นมาบวกต่อเนื่อง จ่อทะลุ 9 บาท ถือว่า ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากต้นเดือน ก.ย. 2560 อยู่ที่ 4.38 บาท ถือว่าขึ้นมากกว่า 100% ท่ามกลางการเก็งกำไรหนาแน่น แม้ว่าหุ้นทั้ง 2 ตัวนี้ จะถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้วางเงินสดก่อนซื้อ (แคชบาลานซ์) แล้วก็ตาม
ขณะเดียวกัน หุ้นบริษัท สกาย ไอซีทีฯ หรือชื่อเดิม ซีซีเอ็น เท็ค (CCN) ซึ่งไร้เครื่องหมายเตือนใด ๆ จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ราคายังคงเดินหน้าบวกขึ้นไปได้เรื่อย ๆ จากราคาหุ้นตัวนี้อยู่ที่ 3 บาท หลังเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ ทำคำเสนอซื้อหุ้นราคาต่ำกว่ากระดานมาก ส่งผลให้จำนวนหุ้นเกือบทั้งหมดอยู่ในมือผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ ล่าสุด ราคาขึ้นมากกว่า 14 บาท ตอบรับการได้งานรถเข็นกระเป๋าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่า 879 ล้านบาท
นายจรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ฯ เปิดเผยว่า ช่วงจังหวะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวขึ้นสูง โดยหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวใกล้เต็มมูลค่า สิ่งที่ตามมา คือ หุ้นขนาดเล็กและขนาดกลาง จะถูกดึงขึ้นมาเก็งกำไรรุนแรง ด้วยสตอรีข่าว ที่ไม่ใช่ผลกำไรของบริษัทนั้น ๆ ดังนั้น นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังการเก็งกำไร
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์กิมเอ็งฯ ได้คัดเลือกหุ้นพื้นฐานดี มีธรรมาภิบาล ผลประกอบการเติบโต ปันผลสม่ำเสมอ เช่น 1.กำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2560 เติบโตเกิน 20% และปี 2561 ขยายตัวมากกว่า 10%, 2. PEG ratio ปี 2561 น้อยกว่า 1 เท่า, 3.ปันผลสม่ำเสมอ และปี 2561 ไม่น้อยกว่า 2.5% และ 4.เปอร์เซ็นต์ ROE ในปี 2559-2561 เติบโตมากกว่า 15% ต่อเนื่อง 3 ปี โดยหุ้นที่เข้าองค์ประกอบ 4 ประการ ได้แก่ หุ้น TISCO, ADVANCE, LPN, HMPRO และ EGCO
แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่การตลาด กล่าวว่า หุ้น DNA ราคาปรับตัวลงรุนแรง จากแรงขายของนักลงทุนรายใหญ่ ที่มีต้นทุนต่ำ หลังจากเก็งกำไรรับข่าวการเซ็นสัญญาทำระบบให้กับ บริษัท ดราก้อนฯ ของฮ่องกงแล้ว ซึ่งความเป็นไปได้เชิงธุรกิจ ยังไม่ถูกยืนยันจากผลประกอบการ แต่นักลงทุนเข้าไปเล่นเก็งกำไร ถือว่า อันตรายมาก จากการเสี่ยงขาดทุนหรือติดหุ้นราคาสูง เนื่องจากไม่ได้เข้าไปซื้อไม้แรก ๆ เทียบกับนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งมีต้นทุนต่ำ ขายกำไรทุกราคา ส่วนหุ้น ECF นักลงทุนเก็งกำไรการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ ชุดที่ 2 และ 3 ที่จะออกให้ผู้ถือหุ้นเติมคราวเดียวกัน โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XW วันที่ 6 ต.ค. นี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกับราคาหุ้นที่ขึ้นมาต่อเนื่อง 100%
“นักลงทุนต้องตั้งสติ ล็อกกำไร ใครไม่มีไปเข้าปลายน้ำ หรือ ไม้ท้าย ๆ เสียเปรียบรายใหญ่ที่มีต้นทุนต่ำ สามารถขายได้ทุกราคา” แหล่งข่าว กล่าว
นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือ “เสี่ยปู่” นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า การลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับและมีการเติบโตของรายได้และกำไรในอนาคต มีความเสี่ยงน้อยและไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดผันผวน เมื่อเทียบกับการเก็งกำไรหุ้น ที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ หรือ เก็งกำไรสั้น ๆ ส่วนใหญ่จะขาดทุน โดยหุ้นส่วนใหญ่ที่เสี่ยปู่ลงทุนมีพื้นฐาน และถือลงทุนยาวได้ผลตอบแทนที่ดีมาก เช่น หุ้นเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK), ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) และ ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD)
“หุ้นไม่ดี ตลาดจบรอบ ราคาจะกลับลงมา แต่ถ้าหุ้นพื้นฐานดี ๆ ราคาอยู่ได้ตามกำไรของบริษัท และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดหุ้นนัก เมื่อเทียบกับหุ้นเล็กเก็งกำไร” เสี่ยปู่ กล่าว
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์ โคสท์ เฟอร์นิเทคฯ กล่าวว่า ไม่ทราบสาเหตุหุ้น ECF ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งตนมีหน้าที่ทำงานตามโครงสร้างแผนธุรกิจที่วางไว้ ให้มีการเติบโตไม่น้อยกว่า 10-12% โดยมั่นใจทำได้ตามแผน ส่วนการลงทุนเป็นเรื่องของนักลงทุน ที่จะใช้วิจารณญาณในการลงทุน
“แผนลงทุนที่วางไว้ 2 ทาง คือ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ตามแผนโต 10-12% จากผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีการขึ้นจาก 50 ชนิด เพิ่มเป็น 300 ชนิด เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น และช่องทางการขายที่มากขึ้น เป็นการโตจากการขยายตลาดไปต่างประเทศ และสร้างแบรนด์สินค้าใหม่ ๆ ขึ้นมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และเร็ว ๆ นี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาธุรกิจใหม่ ที่มีนัยสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจ” กรรมการผู้จัดการ กล่าว
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,301 วันที่ 1-4 ต.ค. 2560
