พาณิชย์ดันยุทธศาสตร์สมุนไพรนำร่อง 4 ชนิดต่อยอดส่งออก

26 ก.ย. 2560 | 06:40 น.
สนค. เผยแพร่ยุทธศาสตร์และฐานข้อมูลนำร่อง 4 สมุนไพรไทย ระบุศักยภาพสูงเพิ่มมูลค่าส่งออกได้อีกมาก ระบุแค่ขมิ้นชันตัวเดียวมีมูลค่าการซื้อขายกว่า 1 หมื่นล้านบาท

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ทางสนค.ได้จ้างที่ปรึกษาจากศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย.หอการค้าไทย เพื่อประเมินศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศของผู้ผลิตและผู้ประกอบการสินค้าสมุนไพร รวมถึงบทบาทของภาครัฐที่จะสนับสนุนและผลักดันสินค้าและผลิตภัณฑ์สู่สากล ประกอบกับนำข้อมูลไปใช้เป็นแนวทางให้ใช้หลักการตลาดนำการผลิต ภายใต้ “ยุทธศาสตร์การเพิ่มศักยภาพตลาดสมุนไพรไทย” จาก 4 สมุนไพรนำร่อง ประกอบด้วย ขมิ้นชัน ไพล บัวบก และกระชายดำ

ทั้งนี้ในวันที่ 26 กันยายน 2560ได้จัดสัมมนาวิชาการของโครงการจัดทำยุทธศาสตร์และฐานข้อมูลสมุนไพร ซึ่ง สนค. โดยภายในงาน มีการเสวนาในหัวข้อ “โอกาสและความท้าทายของธุรกิจสมุนไพรไทย” มีวิทยากรจากตัวแทนผู้ประกอบการสินค้าสมุนไพรทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ร่วมเสวนาให้ความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของสถานการณ์สินค้าและตลาดสมุนไพรในปัจจุบัน รวมทั้งโอกาสของสมุนไพรในตลาดโลก และแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยจากรายเล็กสู่เวทีระดับประเทศ พร้อมทั้งการใช้ Cross-border e-Commerce เพื่อเป็นลู่ทางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรสู่ตลาดโลก

จากผลการศึกษาโครงการฯ พบว่า ขมิ้นชัน ส่วนใหญ่ถูกส่งเข้าสู่โรงงานแปรรูป โดยแบ่งเป็น แปรรูปขั้นต้น และในรูปสารสกัด โดยถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมในประเทศ อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร 80% อุตสาหกรรมยา และเครื่องสำอาง อย่างละ 10% ซึ่งตลอดห่วงโซ่อุปทานมีมูลค่าการซื้อขายมากถึง 6,848 ล้านบาท และปลายน้ำมีมูลค่าการซื้อขายมากถึง 5,500 ล้านบาท คืออุตสาหกรรมอาหาร ยา และเครื่องสำอาง ทั้งนี้ในปี 2559 มีการส่งออกทั้งหมด 1.28 หมื่นล้านบาท ไปยัง สหรัฐอเมริกา สวีเดน และเยอรมัน สัดส่วน 41.2% 24.6% และ 6.8% ตามลำดับ
ส่วนไพล ถูกแปรรูปเป็นไพลแผ่น และน้ำมันไพลสกัด โดยถูกใช้ในอุตสาหกรรมยา 70% เครื่องสำอางและสปา 30% ทั้งนี้อุตสาหกรรมยาส่วนใหญ่จะเป็นยาสำหรับใช้ภายนอก อาทิ น้ำมันเหลืองไพล ยาหม่องไพล และครีมไพล ซึ่งถูกใช้ในประเทศเป็นหลัก แต่มีส่งออกไปต่างประเทศบ้าง เช่น จีน อินโดนีเซีย ยุโรป เป็นต้น ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและสปา พบว่า ลูกประคบ ถูกส่งออกไปยัง ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา

บัวบก ส่วนใหญ่จะทำการอบแห้งก่อนเข้าสู่การแปรรูปเป็นสารสกัด หัวเชื้อ และน้ำมัน จากนั้นจะเข้าสู่ 3 อุตสาหกรรม คือ อาหารและเครื่องดื่ม 35% ยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 25% เครื่องสำอางและเครื่องประทินผิว 40% การส่งออกยังอยู่ในปริมาณน้อย และส่งออกไปยัง จีน อาเซียน และยุโรป

สำหรับกระชายดำ ถูกแปรรูปขั้นต้นในรูปแบบอบแห้ง และสารสกัด ส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรมในประเทศ ได้แก่ ยา 30% และอาหาร 70% แต่บางส่วนถูกส่งออกไปยัง ญี่ปุ่น และจีน ทั้งนี้อุตสาหกรรมอาหารถูกแปรรูปเป็นเครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ส่วนอุตสาหกรรมยาจะแปรรูปเป็นแคปซูลมากถึง 90%

โดยทั้ง 4 สมุนไพร มียุทธศาสตร์ที่จะดำเนินการต่อไปคือ 1) การจัดการวัตถุดิบและการแปรรูป 2) การพัฒนานวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มในการแปรรูปผลิตภัณฑ์สู่มาตรฐานสากล 3) การสร้างโอกาสทางการตลาดสมุนไพรไทยโดยผลักดันให้เป็น New Thailand Signature 4) ยุทธศาสตร์สนับสนุน อาทิ กฎหมาย กฎระเบียบ และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน