ฝรั่งเศสดันร่างกฎหมายใหม่ ห้ามการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศ

30 ก.ย. 2560 | 01:19 น.
MP27-3300-2A นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กำลังผลักดันร่างกฎหมายยุติการผลิตนํ้ามันและก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานจากฟอสซิลเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายระดับชาติที่ต้องการให้ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ปลอดจากการสร้างก๊าซเรือนกระจกภายในปี ค.ศ. 2050 หรือในอีก 33 ปีข้างหน้า ถ้าหากร่างดังกล่าวผ่านเป็นกฎหมาย ฝรั่งเศสก็จะเป็นประเทศแรกในโลกที่ห้ามการผลิตเชื้อเพลิงจากฟอสซิล

ภายใต้ร่างกฎหมายฉบับนี้ ฝรั่งเศสจะค่อยๆ ลดและเลิกการผลิต นํ้ามันและก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยตั้งเป้าการเลิกผลิตอย่างสมบูรณ์ภายในปีค.ศ. 2040 (หรือพ.ศ. 2583) การบังคับใช้กฎหมายครอบคลุมทั้งการผลิตในประเทศฝรั่งเศสและดินแดนหมู่เกาะที่เป็นของฝรั่งเศส ทั้งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสจะไม่ออกใบอนุญาตการสำรวจแหล่งนํ้ามันและก๊าซธรรมชาติใหม่ๆ อีกต่อไป ส่วนใบอนุญาตที่ออกให้แล้วก็จะค่อยๆ หมดอายุและยกเลิกใช้ภายในระยะเวลา 22 ปีข้างหน้า

ปัจจุบันการขุดเจาะชั้นหินใต้ดินเพื่อหาเชื้อเพลิงปิโตรเลียมที่เรียกว่า การแฟรกกิ้ง (fracking) ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมนั้น เป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศฝรั่งเศสอยู่แล้ว แต่ร่างกฎหมายใหม่จะครอบคลุมการสำรวจและผลิตทุกรูปแบบ สัญญาสัมปทานที่ออกไปแล้วก็จะไม่ได้รับการต่ออายุโดยมีปีค.ศ. 2040 เป็นจุดสิ้นสุดเด็ดขาด

เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของฝรั่งเศส นักวิเคราะห์มองว่ามีเหตุปัจจัยหลายประการที่เอื้ออำนวยให้ “ฝรั่งเศส” ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เป็นประเทศแรกในโลกที่ออกกฎหมายห้ามร้านซูเปอร์มาร์เก็ตทิ้งขว้างอาหารเหลือขายให้เป็นขยะ เป็นประเทศที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำหรือผู้ริเริ่มในการยกเลิกการผลิตนํ้ามันดิบและก๊าซธรรมชาติ เหตุแรกเป็นเพราะฝรั่งเศสเองนั้นพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในระดับตํ่าอยู่แล้ว ปัจจุบัน ฝรั่งเศสมีกำลังการผลิตนํ้ามันและก๊าซธรรมชาติเพียงปีละประมาณ 6 ล้านบาร์เรลเท่านั้น นับเป็นผู้ผลิตอันดับที่ 71 ของโลก ต่างจากสหรัฐอเมริกา รัสเซีย แคนาดา หรือประเทศในโลกอาหรับ ที่พึ่งพาอุตสาหกรรมนํ้ามันและก๊าซธรรมชาติในระดับสูง ยกตัวอย่างรัสเซีย มีกำลังการผลิตนํ้ามันดิบถึง 10.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

MP27-3300-A แม้ว่าภายใต้ร่างกฎหมายดังกล่าว ฝรั่งเศสจะยุติการผลิตนํ้ามันและก๊าซธรรมชาติภายในปี 2040 แต่หลังจากนั้นไปแล้ว ฝรั่งเศสก็ยังสามารถนำเข้าและยังคงมีอุตสาหกรรมแปรรูปนํ้ามันได้ บริษัท โททาล ผู้ผลิตนํ้ามันรายใหญ่ของฝรั่งเศส มีสัมปทานสำรวจและขุดเจาะนํ้ามันในหลายพื้นที่ที่เคยเป็นดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศส ยังไม่แน่ชัดว่าหลังจากผ่านร่างกฎหมายนี้แล้ว บริษัทจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด

นอกจากการผลักดันร่างกฎหมายข้างต้นแล้ว มาตรการอื่นๆ ที่ส่งให้ฝรั่งเศสขึ้นไปอยู่แถวหน้าของประเทศที่มีนโยบายจริงจังในการรณรงค์ลด-เลิกการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ได้แก่ แผนเลิกใช้ถ่านหินในการผลิตกระแสไฟฟ้าภายในปี 2022 และมาตรการลดสัดส่วนการใช้นิวเคลียร์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าลง 25% หลายฝ่ายมองว่า ฝรั่งเศสทำเรื่องแบบนี้ได้ง่ายๆ เพราะมีการผลิตเชื้อเพลิงปิโตรเลียมภายในประเทศน้อยอยู่แล้ว คือราว 1% ของความต้องการใช้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยความเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ฝรั่งเศสเอาจริงเอาจังกับการลดการก่อก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ไม่แพ้ชาติไหนๆ อย่างแน่นอน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,300 วันที่ 28 - 30 กันยายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-1