‘เนปคอน เวียดนาม2017’ชื่นมื่น จับคู่ธุรกิจสำเร็จแล้วกว่า600ราย

24 ก.ย. 2560 | 11:00 น.
เวียดนามถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีเสถียรภาพด้านนโยบาย ผลต่อเนื่องนี้ นำมาสู่ความสำเร็จในการพัฒนาประเทศ ดูจากอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 6.4-6.5% และในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกมองเห็นโอกาสการลงทุนในเวียดนาม นอกจากคลื่นการลงทุนทางตรงจากทั่วโลกไหลเข้าไปยังเวียดนาม อย่างไม่ขาดสายแล้ว กลุ่มทุนจำนวนอีกไม่น้อยที่เข้าไปศึกษาลู่ทาง หรือเปิดช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านงานแสดงสินค้าและงานแสดงเทคโนโลยีที่สำคัญ

ล่าสุด บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด ผู้จัดงานแสดงสินค้าแห่งอาเซียน นำโดยนายอิสระ
บุรินทรามาตย์ กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทจัดงานแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ “เนปคอน เวียดนาม 2017” งานแสดงเทคโนโลยีการประกอบ การตรวจวัด สำหรับการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการมีโอกาสเจรจาด้านการค้า การลงทุนและการส่งออก โดยเวียดนามมีเป้าหมายว่าในปี 2563 จะเป็นฐานการผลิตสินค้าให้กับทั่วโลก โดยมูลค่าส่งออกของไทยไปเวียดนามเติบโตเฉลี่ยต่อปี 13.3% สินค้าที่ส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์ และชิ้นส่วนประกอบรถยนต์

ทั้งนี้ความสำเร็จของงานอีกส่วนหนึ่งจะเกิดจากการจับคู่ทางธุรกิจที่นำผู้ซื้อและผู้ขายนัดหมายธุรกิจกันกว่า 300 กลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งเป็นศูนย์รวมของหลายบริษัทในอาเซียนมารวมกัน ทำให้การจับคู่ธุรกิจประสบผลสำเร็จในงานนี้แล้วกว่า 600 ราย และคาดว่าจะเกิดผลตามมาต่อเนื่องอีกหลังสิ้นสุดงานไปแล้ว

อย่างไรก็ตามเป็นที่จับตามองต่อไปว่างาน “เมทัลเล็กซ์ เวียดนาม 2017” งานแสดงเครื่องจักร เทคโนโลยี อุตสาหกรรมโลหการที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 ตุลาคม ที่โฮจิมินห์ซิตี จะเป็นอีกงานที่ได้รับเสียงตอบรับจากผู้นำเทคโนโลยีทั่วโลกเข้ามาร่วมงาน

TP9-3299-1 **จ่อเปิดบริษัทที่เวียดนาม
สอดคล้องกับที่นาย
ทวีศักดิ์ ศรีสันติสุข กรรมการ
ผู้จัดการ บริษัท เฮกซากอน
เมโทรโลจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัท เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือวัดเพื่อความแม่นยำ ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอื่นๆ จากยุโรป มองว่าอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เวียดนาม มีการเติบโตมากกว่า 100% ทุกปี แนวโน้มการใช้เครื่อง จักรในเวียดนามมีความต้องการต่อเนื่อง ลูกค้าต้องการเห็นเครื่องจักร การทำงานของจริง ทำให้เป้าหมายที่ไปออกงานเอ็กซ์ซิบิชันครั้งนี้ ต้องการสร้างแบรนด์และหา Partner ในงาน โดยนำเครื่องวัด 3 มิติ แบบใช้กล้องมาแสดงในงาน โดยบริษัทตั้งเป้าว่า ปีหน้ายอดขายจะเติบโตไม่น้อยกว่า 130 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังมี แผนขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น โดยเฮกซากอนในประเทศไทยดูแลตลาดในกัมพูชา เวียดนาม ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และปากีสถาน มีแผนว่าปีหน้า เฮกซากอน จะเปิดบริษัทในเวียดนาม จากที่ผ่านมาเป็นตัวแทนจากประเทศไทย มีลูกค้าในกลุ่ม แม่พิมพ์ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ Scanner และ Aerospace เป็นต้น ส่วนลูกค้าหลักๆ ในเวียดนาม คือ เครื่องมือวัดสำหรับรถทั้งคัน และลูกค้าใหม่ๆ จากค่ายโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

**ชิงความเหนือกว่า
อย่างไรก็ตามเวียดนามมีข้อได้เปรียบหลายทางที่เป็นจุดขายในการดึงทุนจากทั่วโลกเข้ามาทำการค้าการลงทุนโดยเฉพาะความได้เปรียบในแง่ ตลาดภายในประเทศเวียดนามที่มีประชากรมากถึง 93 ล้านคน รัฐบาลก็เป็นรัฐบาลพรรคเดียว ทำให้นโยบายด้านต่างๆ มีความต่อเนื่อง มีค่าแรงถูก มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือนํ้าลึกที่กระจายอยู่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ เนื่องจากเวียดนามมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่ยาวมาก และมีพื้นที่ที่เหมาะสมในการทำท่าเรือ นํ้าลึกมากกว่าประเทศไทย เหล่านี้คือความได้เปรียบของเวียดนามที่เหนือกว่าอีกหลายประเทศ

[caption id="attachment_211522" align="aligncenter" width="335"] มานพชัย วงศ์ภักดี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย มานพชัย วงศ์ภักดี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย[/caption]

นายมานพชัย วงศ์ภักดี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยกล่าวว่า เวียดนามเป็นประเทศที่เปิดกว้างและต้องการดึงการลงทุนจากต่างประเทศในทุกสาขาเข้ามาลงทุน และนโยบายมีความชัดเจนต่อเนื่องมาตลอดในช่วง 30 ปี และรัฐบาลก็เป็นรัฐบาลพรรคเดียว ผู้บริหารประเทศในช่วง 30-40 ปีที่ผ่านมาโดยเฉลี่ย นายกรัฐมนตรี 1 ท่านอยู่ในอำนาจนาน 10 ปี จะเห็นความต่อเนื่องของนโยบายชัดเจน ดังนั้นไทยควรให้ความสนใจลงทุนในเวียดนามมากเป็นพิเศษ ซึ่งเวลานี้ไม่ใช่เฉพาะนักลงทุนไทย อาเซียน แต่นักลงทุนเกาหลี ญี่ปุ่น จีน กลุ่มอียู ก็เริ่มให้ความสนใจและต้องการเข้ามาตั้งฐานการผลิตในเวียดนามไม่ว่าจะตั้งฐานเพื่อส่งออกไปยังประเทศที่ 3 หรือเพื่อส่งออกในอาเซียน หรือขายให้กับชาวเวียดนามเอง และมองต่อว่าระยะ 4-5 ปีข้างหน้าถ้าเรายืนอยู่เฉยๆ ไม่ย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกมาจากประเทศไทย หรือย้ายออกมาล่าช้า เราอาจจะสูญเสียโอกาสนี้ไปได้

เวียดนามวันนี้จึงกลายเป็นทั้งแหล่งผลิตและศูนย์รวมการค้าที่หลายประเทศต่างเข้าไปแสวงหาโอกาสไทยเองหากไม่เร่งปรับตัวให้เร็วขึ้น ก็อาจจะตกขบวนการชิงความได้เปรียบด้านต่างๆ ได้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,299 วันที่ 24 - 27 กันยายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว