‘อีเมอร์สัน’รุกหนัก ชูไทยฐานส่งออก
“อีเมอร์สัน” ชูไทยฐานส่งออกประกาศแผนขยายกำลังผลิตพร้อมลงทุนโรงงานเพิ่ม หวังรุกทำตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน มั่นใจแรงงานไทยทำให้ส่วนแบ่งการตลาดโตขณะที่ตลาดคอมเพรสเซอร์ขยายตัวได้ดี
นายฮาแกน เมเม็ท เออร์ดามาร์ประธานกรรมการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกกลาง และ แอฟริกา บริษัท อีเมอร์สัน คอมเมอร์เชียลแอนด์ เรซิเดนเชียลโซลูชั่น (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่าแม้ปีนี้สถานการณ์หลายอย่างส่งผลให้ตลาดเครื่องปรับอากาศเมืองไทยมีการเติบโตช้า ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยลบด้านสภาพอากาศที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงแต่บริษัทยังสามารถสร้างการเติบโตได้ดีในส่วนของการส่งออกกระจายสู่หลากหลายตลาด ทำให้รายได้บริษัทปีนี้กำไรดีเติบโตได้อย่างเหมาะสม ซึ่งบริษัทยังคงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพทางการเติบโตของตลาดเครื่องปรับอากาศในไทย
ล่าสุดได้ใช้งบประมาณการลงทุนกว่า 331 ล้านบาทเพื่อพัฒนานวัตกรรมกลุ่มสินค้าคอมเพรสเซอร์แอร์อุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง โดยมีการพัฒนานวัตกรรมเฉพาะในการผลิตคอมเพรสเซอร์แอร์ใหม่เกือบทั้งหมด เพื่อเดินหน้ารุกตลาดอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเตรียมแผนงานในการเปิดตัวโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดปราจีนบุรี โดยจะขยายฐานการผลิตในแถบเอเชียให้ได้กว่า 10 แห่งในอนาตต หลังจากที่ผ่านมาบริษัทเข้าไปตั้งโรงงานแล้วในประเทศไทย จีนและ อินเดีย
ทั้งนี้บริษัทได้เปิดตัวคอมเพรสเซอร์ Next Generation20-25HP โซลูชันประหยัดพลังงาน และ The Next GenerationofZX Scrollคอนเดนซิ่งยูนิต โซลูชันควบคุมความเย็นประสิทธิภาพสูง ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพและน่าสนใจในการเลือกมาลงทุนด้วยและในด้านการแข่งขันของแรงงานไทย ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีจึงมีการจ้างงานแรงงานไทยดังนั้นในระยะยาวบริษัทจึงมองว่าไทยคืออีก 1 ประเทศสำคัญที่จะเป็นฐานสำคัญในการส่งออกของบริษัท
สำหรับตลาดเครื่องปรับอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาพรวมมีการโต 10% ดังนั้นบริษัทจึงมองว่าการดำเนินธุรกิจในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังสามารถเติบโตได้ดีที่สุด โดยในปีนี้ภูมิภาคดังกล่าวมีอัตราการเติบโตกว่า 2เท่าตัวในฐานขยายกำลังการผลิตในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ตลาดเครื่องปรับอากาศเติบโตได้ดีเนื่องมาจากแถบประเทศเอเชียมีการก่อสร้างอาคารและ โรงงานสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดีต่อสินค้ากลุ่มดังกล่าว อย่างไรก็ตามตลาดเครื่องปรับอากาศในกลุ่มประเทศอาเซียนถือเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นลำดับที่2ของบริษัท โดยมีสัดส่วนที่ 24%รองจากกลุ่มประเทศฝั่งอเมริกาเหนือที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ 54%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,299 วันที่ 24 - 27 กันยายน พ.ศ. 2560
นายฮาแกน เมเม็ท เออร์ดามาร์ประธานกรรมการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกกลาง และ แอฟริกา บริษัท อีเมอร์สัน คอมเมอร์เชียลแอนด์ เรซิเดนเชียลโซลูชั่น (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่าแม้ปีนี้สถานการณ์หลายอย่างส่งผลให้ตลาดเครื่องปรับอากาศเมืองไทยมีการเติบโตช้า ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยลบด้านสภาพอากาศที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงแต่บริษัทยังสามารถสร้างการเติบโตได้ดีในส่วนของการส่งออกกระจายสู่หลากหลายตลาด ทำให้รายได้บริษัทปีนี้กำไรดีเติบโตได้อย่างเหมาะสม ซึ่งบริษัทยังคงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพทางการเติบโตของตลาดเครื่องปรับอากาศในไทย
ล่าสุดได้ใช้งบประมาณการลงทุนกว่า 331 ล้านบาทเพื่อพัฒนานวัตกรรมกลุ่มสินค้าคอมเพรสเซอร์แอร์อุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง โดยมีการพัฒนานวัตกรรมเฉพาะในการผลิตคอมเพรสเซอร์แอร์ใหม่เกือบทั้งหมด เพื่อเดินหน้ารุกตลาดอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเตรียมแผนงานในการเปิดตัวโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดปราจีนบุรี โดยจะขยายฐานการผลิตในแถบเอเชียให้ได้กว่า 10 แห่งในอนาตต หลังจากที่ผ่านมาบริษัทเข้าไปตั้งโรงงานแล้วในประเทศไทย จีนและ อินเดีย
ทั้งนี้บริษัทได้เปิดตัวคอมเพรสเซอร์ Next Generation20-25HP โซลูชันประหยัดพลังงาน และ The Next GenerationofZX Scrollคอนเดนซิ่งยูนิต โซลูชันควบคุมความเย็นประสิทธิภาพสูง ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพและน่าสนใจในการเลือกมาลงทุนด้วยและในด้านการแข่งขันของแรงงานไทย ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีจึงมีการจ้างงานแรงงานไทยดังนั้นในระยะยาวบริษัทจึงมองว่าไทยคืออีก 1 ประเทศสำคัญที่จะเป็นฐานสำคัญในการส่งออกของบริษัท
สำหรับตลาดเครื่องปรับอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาพรวมมีการโต 10% ดังนั้นบริษัทจึงมองว่าการดำเนินธุรกิจในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังสามารถเติบโตได้ดีที่สุด โดยในปีนี้ภูมิภาคดังกล่าวมีอัตราการเติบโตกว่า 2เท่าตัวในฐานขยายกำลังการผลิตในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ตลาดเครื่องปรับอากาศเติบโตได้ดีเนื่องมาจากแถบประเทศเอเชียมีการก่อสร้างอาคารและ โรงงานสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดีต่อสินค้ากลุ่มดังกล่าว อย่างไรก็ตามตลาดเครื่องปรับอากาศในกลุ่มประเทศอาเซียนถือเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นลำดับที่2ของบริษัท โดยมีสัดส่วนที่ 24%รองจากกลุ่มประเทศฝั่งอเมริกาเหนือที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ 54%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,299 วันที่ 24 - 27 กันยายน พ.ศ. 2560
