แนะซื้อประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพรับสิทธิลดหย่อนสูงสุด 1 แสนบาทต่อปี

22 ก.ย. 2560 | 04:23 น.
สมาคมประกันชีวิตไทย แนะประชาชนซื้อประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ-รับสิทธิลดหย่อนสูงสุด 100,000บาทต่อปี  หลังคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้นำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 15,000 บาทต่อปี

[caption id="attachment_211183" align="aligncenter" width="335"] นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์[/caption]

นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทยขอขอบคุณรัฐบาลที่ตระหนักถึงความสำคัญของการมีประกันสุขภาพ โดยมีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการประกันสุขภาพ โดยประชาชนสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพ โดยเป็นค่าเบี้ยประกันภัยตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท และต้องเป็นเบี้ยประกันภัยที่ได้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดารวมกับเบี้ยประกันชีวิตไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากค่าเบี้ยประกันชีวิตจากกรมธรรม์หลักที่ยังไม่เต็ม 100,000 บาท เพราะสามารถนำเบี้ยประกันภัยจากสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพที่รัฐบาลให้หักลดหย่อนได้ 15,000 บาท มารวมได้

ทั้งนี้เบี้ยประกันสุขภาพดังกล่าว  หมายถึง 1.การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอันเกิดจากการเจ็บป่วยและบาดเจ็บ การชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ 2. การประกันอุบัติเหตุเฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล 3.การประกันภัยโรคร้ายแรง     4. การประกันภัยการดูแลระยะยาว

สำหรับการอนุมัติให้นำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้ในครั้งนี้ สมาคมประกันชีวิตไทยคาดว่าจะส่งผลให้เบี้ยประกันชีวิตรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบี้ยประกันภัยจากสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพเพราะประชาชนเกิดแรงจูงใจต่อการประหยัดภาษีทั้งในเรื่องของการออมและการวางแผนสุขภาพไปพร้อมกัน ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ประชาชนมีหลักประกันดูแลตนเอง และลดภาระพึ่งพิงของรัฐบาลลงได้อีกทางหนึ่งด้วย

อย่างไรก็ตาม ในปี 2559 ธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันภัยรับรวมจากสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ 61,892.66 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2558 คิดเป็นอัตรา 14.54% เนื่องจากประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนสุขภาพมากขึ้น เพราะค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนมีการปรับเพิ่มขึ้นทุกปีโดยเฉลี่ยประมาณ 15 - 20 % ดังนั้น การมีประกันสุขภาพจะช่วยคลายกังวล ลดภาระตนเองและครอบครัว ทำให้ไม่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ช่วยให้ผู้เอาประกันมีความพร้อมที่จะเข้ารับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที สำหรับผู้ที่สนใจวางแผนภาษีด้วยการออมและประกันสุขภาพสามารถติดต่อสอบถามได้ที่บริษัทประกันชีวิตทั่วประเทศ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเหมาะกับการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคล ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว