เปิด‘วิสาหกิจชุมชน’ เช่าที่ราชพัสดุสร้างตลาด
ธนารักษ์เปิดทาง องค์กรเกษตร วิสาหกิจชุมชนเช่าที่ราชพัสดุได้ จากเดิมจำกัดเพียงสหกรณ์เท่านั้น หวังพัฒนาพื้นที่ชุมชนสร้างตลาดนัด เชื่อมโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อคนไทยทั่วประเทศ พร้อมเปิดตัว ต.ค.นี้ นำร่อง 20 จังหวัดทั่วประเทศ
หลังจากที่กรมธนารักษ์ได้กำหนดอัตราค่าเช่าที่ราชพัสดุฉบับใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยแยกตามประเภทที่อยู่อาศัย เกษตรกรรมเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม โดยทำเกษตรไม่เกิน 15 ไร่คิด 200 บาทต่อไร่ต่อปี ส่วนที่เกิน 15 ไร่คิด 0.2% ของราคาที่ดินส่วนเกิน ส่วนที่อยู่อาศัยตามราคาประเมิน แยกกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ตารางวาละ 25-50 สตางค์ขึ้นไปต่อเดือน
[caption id="attachment_174858" align="aligncenter" width="503"]
พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์[/caption]
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้แก้ไขกฎเกณฑ์การเช่าที่ราชพัสดุเพิ่มเติม โดยเปิดโอกาสให้องค์กรการเกษตรองค์กรสาธารณ ประโยชน์หรือองค์กรสวัสดิการชุมชน กองทุนหมู่บ้าน และวิสาหกิจชุมชน สามารถเช่าที่ราชพัสุดได้จากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะบุคคลและสหกรณ์เท่านั้น เพื่อเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาที่ราชพัสดุเป็นสถานที่ประกอบการเพื่อชุมชน หรือเป็นตลาดให้ชุมชนได้มาค้าขายหรือหล่อเลี้ยงชุมชน
“การเช่าที่ราชพัสดุต่อไปจะเปิดกว้างมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นสหกรณ์เท่านั้น เพราะเมื่อเรากำหนดเป็นรูปสหกรณ์ แต่ปัจจุบันไม่สามารถจดทะเบียนสหกรณ์ได้แล้ว ทำให้หลายคนไปอาศัยช่องทางแอบอ้างสหกรณ์เดิมๆ ที่เคยมีมาเช่าที่ราชพัสดุ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าสหกรณ์เดิมเหล่านั้นมีปัญหาติดตัวมาด้วยหรือไม่”
อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวก็เพื่อให้สอดรับกับโครงการที่จะทำให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ซึ่งจะเปิดตัวเฟสแรก 20 จังหวัด ในต้นปีงบประมาณ 2561 นี้ โดยคาดว่าราคาจำหน่ายต่อหน่วยจะไม่เกิน 5 แสนบาท เพราะอยู่ระหว่างหารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) เพื่อให้ความช่วยเหลือสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างในราคาต้นทุน เพื่อทำให้ราคาบ้านไม่สูงจนเกินไปนัก ขณะเดียวกันจะร่วมกับธนาคารออมสิน และธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อให้เข้ามาช่วยสนับสนุนวงเงินสินเชื่อให้ทั้งแก่ผู้ที่จะพัฒนาโครงการและผู้ที่ต้องการซื้อโครงการด้วย
“โครงการบ้านที่อยู่อาศัยจะครอบคลุมทั้งประชาชนทั่วไป ผู้สูงอายุ และผู้มีรายได้น้อยตามนโยบายของรัฐบาล แม้จะไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของกรมธนารักษ์ แต่ในฐานะหน่วยงานรัฐบาลจะร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) โดยที่พม.จะดูแลประชาชนระดับล่างไปเลย แต่เราจะเน้นระดับกลางถึงกลางล่าง” นายพชรกล่าว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,298 วันที่ 21 - 23 กันยายน พ.ศ. 2560
หลังจากที่กรมธนารักษ์ได้กำหนดอัตราค่าเช่าที่ราชพัสดุฉบับใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยแยกตามประเภทที่อยู่อาศัย เกษตรกรรมเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม โดยทำเกษตรไม่เกิน 15 ไร่คิด 200 บาทต่อไร่ต่อปี ส่วนที่เกิน 15 ไร่คิด 0.2% ของราคาที่ดินส่วนเกิน ส่วนที่อยู่อาศัยตามราคาประเมิน แยกกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ตารางวาละ 25-50 สตางค์ขึ้นไปต่อเดือน
[caption id="attachment_174858" align="aligncenter" width="503"]
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้แก้ไขกฎเกณฑ์การเช่าที่ราชพัสดุเพิ่มเติม โดยเปิดโอกาสให้องค์กรการเกษตรองค์กรสาธารณ ประโยชน์หรือองค์กรสวัสดิการชุมชน กองทุนหมู่บ้าน และวิสาหกิจชุมชน สามารถเช่าที่ราชพัสุดได้จากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะบุคคลและสหกรณ์เท่านั้น เพื่อเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาที่ราชพัสดุเป็นสถานที่ประกอบการเพื่อชุมชน หรือเป็นตลาดให้ชุมชนได้มาค้าขายหรือหล่อเลี้ยงชุมชน
“การเช่าที่ราชพัสดุต่อไปจะเปิดกว้างมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นสหกรณ์เท่านั้น เพราะเมื่อเรากำหนดเป็นรูปสหกรณ์ แต่ปัจจุบันไม่สามารถจดทะเบียนสหกรณ์ได้แล้ว ทำให้หลายคนไปอาศัยช่องทางแอบอ้างสหกรณ์เดิมๆ ที่เคยมีมาเช่าที่ราชพัสดุ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าสหกรณ์เดิมเหล่านั้นมีปัญหาติดตัวมาด้วยหรือไม่”
อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวก็เพื่อให้สอดรับกับโครงการที่จะทำให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ซึ่งจะเปิดตัวเฟสแรก 20 จังหวัด ในต้นปีงบประมาณ 2561 นี้ โดยคาดว่าราคาจำหน่ายต่อหน่วยจะไม่เกิน 5 แสนบาท เพราะอยู่ระหว่างหารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) เพื่อให้ความช่วยเหลือสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างในราคาต้นทุน เพื่อทำให้ราคาบ้านไม่สูงจนเกินไปนัก ขณะเดียวกันจะร่วมกับธนาคารออมสิน และธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อให้เข้ามาช่วยสนับสนุนวงเงินสินเชื่อให้ทั้งแก่ผู้ที่จะพัฒนาโครงการและผู้ที่ต้องการซื้อโครงการด้วย
“โครงการบ้านที่อยู่อาศัยจะครอบคลุมทั้งประชาชนทั่วไป ผู้สูงอายุ และผู้มีรายได้น้อยตามนโยบายของรัฐบาล แม้จะไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของกรมธนารักษ์ แต่ในฐานะหน่วยงานรัฐบาลจะร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) โดยที่พม.จะดูแลประชาชนระดับล่างไปเลย แต่เราจะเน้นระดับกลางถึงกลางล่าง” นายพชรกล่าว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,298 วันที่ 21 - 23 กันยายน พ.ศ. 2560
