ทัพหมีขาวบุกไทยปลายปีนี้ จ่อลงทุนครั้งใหญ่‘อีอีซี’-7 เดือนค้า 2 ฝ่ายขยายตัว 63%

23 ก.ย. 2560 | 12:19 น.
4 ปัจจัยหนุน ค้าไทย-รัสเซียพุ่งกระฉูด 7 เดือน สภาธุรกิจชี้เป้า 1 หมื่นล้านดอลล์ในปี 63 ไม่ไกลเกินฝัน จับตา “ปูติน” นำทัพลงทุนแดนหมีขาวคณะใหญ่ลงพื้นที่อีอีซีปลายปีนี้หนุน 10 อุตฯเป้าหมายไทยแจ้งเกิด ชี้ศักยภาพไม่เป็นสองรองใคร

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า คาดนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานา ธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย พร้อมนักธุรกิจคณะใหญ่ของรัสเซียจะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ซึ่งจะได้ตรวจสอบข้อมูลจากทูตรัสเซียประจำประเทศไทยอีกครั้ง

ทั้งนี้รัสเซียถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)ของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 10 อุตสาหกรรมยุคใหม่ที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลไทยที่มุ่งเน้นอุตสาหกรรมที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งรัสเซียเก่งหลายด้าน เช่นด้านไอที ดิจิตอล การแพทย์ เครื่องมือแพทย์ ยา และการบิน เป็นต้น

tp8-3298-a “รัสเซียมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูง ตรงกับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาลไทย ซึ่งปัจจุบันแอร์บัสก็จะมาลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน โบอิ้งลงทุนศูนย์เทรนนิ่งบุคลากร ขณะที่รัสเซียเก่งเรื่องอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เขาสนใจจะมาลงทุนในไทย ขณะที่ปัจจุบันรัสเซียให้ความสนใจกับไทยและอาเซียนมากขึ้นหลังถูกสหรัฐฯและสหภาพยุโรปแซงก์ชัน ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีของไทยก็ได้เดินทางเยือนรัสเซียเดือนพฤษภาคม 59 และได้พบปะกับประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียอีกครั้งในการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICs ที่จีนเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา”

ประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย กล่าวถึงการค้าระหว่างไทย-รัสเซียที่ช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ขยายตัวอย่างมาก โดยการค้ารวม 2 ฝ่ายมีมูลค่า 1,555.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 63.1% (ดูกราฟิกประกอบ) โดยไทยส่งออก 505 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขยายตัว 61.9% ไทยนำเข้า 1,050.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 63.7% มองว่าเป็นผลจาก 1. หันมาค้ากับเอเชียรวมถึงไทยมากขึ้น 2. วิกฤติราคานํ้ามันซึ่งเป็นรายได้หลักของรัสเซียราคาตกตํ่าได้ปรับตัวดีขึ้น จากระดับ 30 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล 3. ค่าเงินรูเบิลที่เคยอ่อนค่ามากเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และ 4. เศรษฐกิจรัสเซียฟื้นตัวดีขึ้น

ดังนั้นหากการค้าไทย-รัสเซียยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง คาดจากที่รัฐบาลของทั้ง 2 ฝ่ายได้ตั้งเป้าหมายขยายการค้าระหว่างกันเป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2563 มีความเป็นไปได้สูง ซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นผลพวงจากที่รัสเซียมาลงทุนในไทยเพิ่มเติมและส่งสินค้ากลับไปรัสเซีย

สอดคล้องกับดร.ชโย ตรังอดิศัยกุล รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กลุ่มสินค้าส่งออกอันดับ 2 ของไทยไปรัสเซีย ที่กล่าวว่า จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง(สินค้าหลักคือยางล้อรถยนต์) ของไทยไปรัสเซียช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 93% มองว่าเป็นผลพวงจากเศรษฐกิจของรัสเซียปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ และผลจากค่าเงินรูเบิลปรับตัวแข็งค่าอย่างมีเสภียรภาพมากขึ้น ทำให้การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศถูกลง ประกอบกับราคายางวัตถุดิบที่ใช้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางของไทยในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนและราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้น คาดเดือนที่เหลือการส่งออกไปรัสเซียจะยังไปได้ดี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,298 วันที่ 21 - 23 กันยายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-1